บทความที่ได้รับความนิยม


Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

‘กระเป๋าผ้า’ วัสดุเด่นลูกเล่นดีมีเงิน! *

งานประดิษฐ์จากผ้ายังคงมีโอกาส-มีช่องทาง ตลาดยังไม่ตันอย่างที่หลายคนคิด ยิ่งพัฒนาชิ้นงานให้มีลูกเล่น สร้างจุดเด่นด้วยการออกแบบ และวัสดุ ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำเงินจากชิ้นงานกลุ่มนี้ อย่างเช่นงาน “กระเป๋าผ้า” ของ “ทิฆัมพร พรายแก้ว-อิศรา ปิ่นถาวรรักษ์” สองหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ ที่ทีม ’ช่องทางทำกิน“ มีข้อมูลมานำเสนอ...

ทิฆัมพร เล่าว่า เธอกับอิศรามีอาชีพเป็นสถาปนิก ซึ่งเป็นงานประจำที่ทำอยู่ แต่ด้วยความที่ชอบการออกแบบและคิดอยากที่จะทำธุรกิจหรือผลิตสินค้าที่เป็น งานจากไอเดีย จึงมองไปที่งานผ้าประดิษฐ์รูปแบบกระเป๋า ด้วยมองว่าเป็นสินค้าที่ทำตลาดได้ และมีต้นทุนไม่สูงนัก ประกอบกับมีความสนใจในวัสดุชนิดนี้อยู่เป็นทุนเดิม จึงตัดสินใจทำงานกระเป๋าผ้านี้ขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า Cottonplay ด้วยเหตุที่มีวัสดุหลักคือ ผ้าคอตตอน เป็นวัสดุสำคัญที่ใช้ในการทำ

เธอบอกว่า ไม่มีหน้าร้าน แต่อาศัยการขายตามตลาดนัดงานฝีมือทั่วไป และจำหน่ายออนไลน์เป็นหลัก โดยมีทั้งเว็บไซต์ และเปิดขายในเฟซบุ๊กคือ  www.cottonplaythai.com และ  www.facebook.com/Cottonplaythai โดยขายผ่านทางช่องทางนี้มาได้ประมาณ 1 ปีแล้ว ซึ่งการตอบรับก็ค่อนข้างดีมาก


ปัจจุบันกระเป๋าผ้าที่ผลิตขึ้นมีหลากหลาย โดยจะคิดแบบใหม่ออกมาเพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ลูกค้าไม่เบื่อ แต่ละแบบก็จะผลิตจำนวนไม่มาก และมักจะทำเป็นคอลเลก ชั่น เพื่อไม่ให้ชิ้นงานซ้ำกันจนเกินไป โดยรูปแบบหลัก ๆ ที่ทำก็มีตั้งแต่ กระเป๋าพับ, กระเป๋าสำหรับใส่ของ, กระเป๋าถือ, กระเป๋าหิ้ว, ซองผ้าใส่แท็บเล็ต เป็นต้น

“เหตุที่เลือกผ้าชนิดนี้เพราะมีเสน่ห์ ลวดลายเยอะ แต่ละประเทศจะมีเนื้อผ้าแตกต่างกัน ทำให้ใส่ลูกเล่น หรือสร้างความแตกต่างด้วยตัววัสดุได้ง่าย” ทิฆัมพรกล่าว

ขณะที่ อิศรา บอกว่า นอกจากผ้าคอตตอนก็ยังมีผ้าชนิดอื่น เช่น ผ้าแคนวาส และวัสดุ เช่น หนังเทียม หนังพียู เข้ามาประกอบชิ้นงานด้วย เพื่อเพิ่มลูกเล่น ลูกค้าปัจจุบันมีทั้งคนทำงาน วัยรุ่น นักศึกษา จนถึงต่างชาติ
สำหรับการขายผ่านอินเทอร์เน็ต หรือเปิดร้านออนไลน์แบบนี้ เขาบอกว่า เหมาะสำหรับคนที่คิดจะทำงานฝีมือเป็นอาชีพเสริม สามารถเปิดร้านหรือสื่อสารกับลูกค้าผ่านทางอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้ตลอดเวลา ลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางนี้มักไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องราคา เพราะการค้นหาสินค้าจนมาเจอร้านนั้น แสดงว่าลูกค้ามีความสนใจ และมีความต้องการสินค้ามาแล้วระดับหนึ่ง แต่ก็มีข้อที่ต้องระวังคือ จะต้องมีการติดตาม สร้างกิจกรรมเคลื่อนไหวบนหน้าร้านตลอดเวลา เพื่อไม่ให้ลูกค้าลืม และช่วยทำให้ร้านออนไลน์มีความน่าสนใจมากขึ้น นี่เป็นเคล็ดลับอีกส่วนที่เขาแนะนำ

ทุนเบื้องต้น ลงทุนประมาณ 30,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นค่าอุปกรณ์สำคัญที่ต้องใช้ คือ จักรเย็บผ้า และผ้าที่ต้องสต๊อกไว้ ส่วนทุนวัสดุประมาณ 50% จากราคาขาย ซึ่งสินค้าจะขายที่ราคา 120-400 บาท ขึ้นกับผ้าที่ใช้ทำกระเป๋า

วัสดุ-อุปกรณ์ หลัก ๆ อาทิ จักรเย็บผ้า, เข็มกับด้าย, กรรไกร, เข็มหมุด, กระดาษแข็ง (ใช้ทำแพทเทิร์น), ผ้าคอตตอน, ผ้าแคนวาส, หนังพียูหรือหนังเทียม, หนังแท้, สายหิ้ว (หูกระเป๋า) และวัสดุตกแต่งอื่น ๆ  เช่น ซิป, กระดุม, ริบบิ้น, แม่เหล็กติดกระเป๋า เป็นต้น ซึ่งวัสดุเหล่านี้ซื้อได้ตามแหล่งงานผ้าทั่วไป เช่น สำเพ็ง, พาหุรัด, วงเวียนใหญ่
ขั้นตอนการทำ เริ่มจากการออกแบบกระเป๋า และเลือกวัสดุ เช่น เนื้อผ้า ลวดลาย สีสันก่อน จากนั้นเมื่อได้แบบที่ต้องการก็ให้ทำการลอกลายหรือทำแพทเทิร์นโดยวาดลงบน กระดาษแข็ง โดยแบบกระเป๋านั้น สามารถหาข้อมูลได้ในอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีให้เลือกมากมาย
เมื่อลอกลายลงกระดาษแข็งแล้ว ก็ทำการพับผ้าสองชิ้น นำแบบกระเป๋าที่วาดไว้มาทาบ ใช้กรรไกรตัดตามแบบ จากนั้นทำการเย็บขึ้นทรงกระเป๋า โดยเย็บจากด้านใน และเหลือช่องไว้ประมาณ 1 นิ้ว สำหรับกลับด้านกระเป๋า ทำการตกแต่งด้วยวัสดุตกแต่ง เย็บประกอบสายกระเป๋าหรือหูหิ้ว ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนหลัก ๆ ในการทำ “กระเป๋าผ้า”

“ขั้นตอนหลักเหมือนกับงานผ้าทั่วไป ที่แตกต่างคงเป็นการออกแบบมากกว่า จากที่ทำมา พูดได้เลยว่าตลาดตรงนี้ยังไม่ตัน เพราะต่อยอดแตกแขนงออกไปได้เรื่อย ๆ ในส่วนของวัสดุ ควรที่จะศึกษาเรื่องแหล่งวัสดุ เพราะจะทำให้ได้วัสดุที่ถูกต้อง เพราะแต่ละแห่ง ผ้าก็จะแตกต่างกัน” ทิฆัมพรกล่าว
สนใจงาน ’กระเป๋าผ้า“ ของทิฆัมพรและอิศรา ต้องการติดต่อเจ้าของงานกรณีศึกษา ’ช่องทางทำกิน“ รายนี้ ติดต่อได้ที่ โทร. 08-7719-2112, 08-2188-0598 ซึ่งนี่ก็ถือว่าเป็นอีกธุรกิจเล็ก ๆ ที่น่าสนใจ เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่คิดมองหาอาชีพเสริม เป็นทางเลือกในการเพิ่มรายได้.
ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ : เรื่อง/ วรพรรณ เลอสิทธิศักดิ์ : ภาพ
...............................................................................................................
คู่มือลงทุน...งานกระเป๋าผ้า
ทุนเบื้องต้น ประมาณ 30,000 บาท
ทุนวัสดุ ประมาณ 50% จากราคา
รายได้ ราคาใบละ 120-400 บาท
แรงงาน 1-2 คนขึ้นไป
ตลาด ย่านชอปปิง, ขายออนไลน์
จุดน่าสนใจ ทำขายเป็นอาชีพเสริมก็ได้

credit by :  http://www.dailynews.co.th/article/384/232791

Read More...


‘ปลาคาร์ปดินปั้น’ อิงเรื่องมงคลเป็นจุดขาย *

งานปั้นดินให้เป็นสินค้าสร้างรายได้ รูปแบบชิ้นงานมีอยู่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับไอเดียของแต่ละเจ้าของงาน ว่าจะมีความคิดสร้างสรรค์ สร้างผลงานออกมาในรูปแบบใด ซึ่งถ้ามีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ผลงานก็จะน่าสนใจ ดึงดูดลูกค้าได้มาก อย่างงาน ’ปลาคาร์ปจากดินเกาหลี“ ที่ทางทีม ’ช่องทางทำกิน“ นำมาเสนอเป็นกรณีศึกษาในวันนี้...
              
เฮง-ธีรชาติ ลี้ไวโรจน์ เจ้าของร้าน “Art Mania” ปั้นปลาคาร์ปจากดินเกาหลีจำหน่าย เจ้าตัวบอกว่า ธุรกิจที่ทำทุกธุรกิจ เป็นงานที่ชอบ และเมื่อชอบแล้วทำมัน ก็จะทำให้ธุรกิจที่ทำประสบความสำเร็จได้ โดยธุรกิจแรกที่ทำก็เป็นการเปิดบริษัทรับออกแบบเสื้อผ้าและของตก แต่งบ้าน และด้วยความที่เป็นคนชอบเสื้อเชิ้ต จึงมีความคิดที่จะสร้างแบรนด์เสื้อเชิ้ตออกจำหน่าย ก็เริ่มศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ออกแบบเสื้อ หาโรงงานตัดเย็บ เมื่อทุกอย่างลงตัวก็ทำเสื้อเชิ้ตขายเอง โดยสร้างแบรนด์ “TF-7” เป็นแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งทำเสื้อเชิ้ตอยู่ประมาณ 6 ปี ธุรกิจก็เริ่มจะอยู่ตัว มีลูกค้าสั่งซื้อไปจำหน่ายมาก

“ถือว่าธุรกิจเสื้อเชิ้ตที่ทำอยู่นั้นอยู่ตัวแล้ว ก็เลยเริ่มมองหาธุรกิจตัวใหม่ทำเพิ่มขึ้นมา ก็มาลงตัวกับงานปั้นปลาคาร์ปจากดินเกาหลี เพราะเป็นงานที่ทำขึ้นมาเพราะเริ่มจากความชอบ เป็นคนที่ชอบปลาคาร์ปอยู่แล้ว ชอบเรื่องฮวงจุ้ยและปลาคาร์ปก็ถือว่าเป็นปลามงคล หลายคนมักเลี้ยงไว้ในบ้าน เรานั้นก็คิดจะเลี้ยง แต่ไม่มีเวลาดูแล ก็มานั่งคิดว่าจะทำยังไงให้มีปลาคาร์ปอยู่ในบ้านไว้เสริมความเป็นมงคล แต่ไม่ต้องเลี้ยง เพราะไม่มีเวลา งานปั้นปลาคาร์ปจึงเกิดขึ้นมา”


หลังจากจากที่คิดจะปั้นปลาคาร์ป ก็เริ่มศึกษาเรื่องปลาคาร์ปจากอินเทอร์เน็ต ดูเรื่องสายพันธุ์ว่ามีสายพันธุ์อะไรบ้างที่คนนิยม และแต่ละสายพันธุ์นั้นมีสีอะไรบ้าง จากนั้นก็เริ่มทดลองลงมือปั้นดู ซึ่งก็ใช้เวลาในการลองผิดลองถูกอยู่เป็นเดือนกว่าที่จะได้สัดส่วนรูปแบบที่ ลงตัว จากนั้นก็เริ่มปั้นแล้วนำไปให้เพื่อน ๆ ดู พวกเพื่อน ๆ ก็บอกว่าสวยใช้ได้ จึงเริ่มต้นทำเป็นธุรกิจ ปั้นออกจำหน่าย ซึ่งก็ได้ผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยเฉพาะชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ ไต้หวัน มาเลเซีย และกลุ่มคนที่เลี้ยงปลาคาร์ป

“งานปั้นปลาคาร์ปของเรานั้นจะเน้นให้ปลาออกมาเป็นแนวการ์ตูนดูแล้วน่ารัก และปลาทุกตัวเป็นงานแฮนด์เมดปั้นมือทีละตัว เพราะฉะนั้นปลาทุกตัวจะมีความคลายคลึงกัน แต่ไม่เหมือนกันทุกตัว”

วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการปั้นปลาคาร์ป หลัก ๆ ก็มีอาทิ...ดินเกาหลี, โหลแก้ว, กรอบอะคริลิก, ฐานไม้สักรูปทรงกลมแบน, สีอะคริลิก, พู่กัน เป็นต้น

“ที่ใช้ดินเกาหลีเพราะว่าเนื้อดินนั้นมีความละเอียดดี และมีความยืดหยุ่นดี ปั้นเข้ารูปได้ดี อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบากว่าดินประเภทอื่น ๆ ด้วย ซึ่งดินเกาหลีนั้นก็มีหลากหลายสีให้เลือกนำมาปั้น ส่วนโหลแก้วและ กรอบอะคริลิกนั้นไว้สำหรับตกแต่งใส่ปลาคาร์ปที่ปั้นเข้าไปให้ดูเหมือนว่าปลา ว่ายอยู่ในโหลแก้วหรือในกรอบ ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับปลาคาร์ปที่ปั้นอีกด้วย”

ขั้นตอนการทำ เริ่มจาก... นำดินเกาหลีตามสีที่ต้องการจะปั้นเป็นปลาคาร์ปออกมาให้ได้ขนาดตามไซซ์ที่ ต้องการจะปั้น (โดยมีไซซ์ตั้งแต่ 3-51/2 นิ้ว) อย่างเช่นถ้าต้องการจะปั้นปลาคาร์ปขนาด 3 นิ้ว ก็หยิบดินเกาหลีออกมาก้อนหนึ่งให้ได้ขนาดความยาวประมาณ 3 นิ้วจากหัวถึงหางปลา ส่วนขนาดของลำตัวปลาแล้วแต่ความต้องการ

เมื่อได้ดินมาแล้วก็ทำการนวดดินให้ดินนั้นเซตตัว นวดได้ที่แล้วก็เริ่มทำการปั้นให้ได้ทรงปลาที่ต้องการ จากนั้นก็ทำการตกแต่งเติมครีบ ใส่หาง ติดตา ปาก ใส่หนวด ติดลวดลายสีสันของปลาตามสายพันธุ์ปลาคาร์ปที่ต้องการจะทำ จัดตกแต่งให้ดูสวยงาม แล้วปล่อยทิ้งไว้ 1 คืน

รุ่งขึ้นพอปลาที่ปั้นไว้แห้งสนิทก็นำมาจัดใส่โหลแก้วหรือกรอบอะคริลิก โดยถ้าใส่โหลแก้วก็นำฐานไม้สักมาลงสีลงลวด ลายให้ดูสวยงามมากขึ้น นำปลาคาร์ปที่ปั้นไว้วางลงบนฐานไม้ แล้งจึงนำไปใส่ในโหลแก้ว หรือจะนำปลาคาร์ปที่ปั้นไปตกแต่งทำเป็นกรอบรูปขนาดใหญ่ติดฝาผนังก็ได้

ราคาขาย “ปลาคาร์ปจากดินเกาหลี” ที่ตกแต่งใส่โหลแก้ว ใส่กรอบอะคริลิก หรือทำเป็นกรอบรูปขนาดใหญ่ติดผนัง มีตั้งแต่ 1,500-35,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาด และจำนวนปลาคาร์ป นอกจากนี้ก็ยังมีงานที่ปั้นเป็นรูปช้างอีกด้วย...

ใครสนใจ ’ปลาคาร์ปจากดินเกาหลี“  ร้าน Art Mania กรณีศึกษา ’ช่องทางทำกิน“ รายนี้ เปิดอยู่ที่สวนจตุจักร ตรง JJ พลาซ่า โซน C ซอย 6 ห้องที่ 10 เปิดทุกวันพุธ-อาทิตย์ และสามารถเข้าไปดูผลงานตัวอย่างได้ที่ www.artsmania.net หรือติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 08-9201-7576, 08-1357-3585. บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ : เรื่อง / ภานุพงศ์ พนาวัน : ภาพ

credit by :  http://www.dailynews.co.th/article/384/231181

Read More...


สารพันศิลปะ การพับผ้า *

ถ้าพูดถึงงานหัตถศิลป์ ชาติใดก็สู้คนไทยไม่ได้ เพราะคนไทยขึ้นชื่อว่ามีความละเอียดอ่อน ประณีต และพิถีพิถันเป็นที่สุด นอกเหนือจากงานเย็บปักถักร้อย งานช่างสิบหมู่ งานประดิษฐ์ดอกไม้ และงานปรุงเครื่องคาวหวาน “ศิลปะการพับผ้า” ก็ถือเป็นประณีตศิลป์สร้างชื่อของคนไทย ที่แสดงออกถึงรสนิยมโก้หรู ในฐานะผู้คร่ำหวอดวงการสายการบินมานาน สองพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของการบินไทย “ปิยาภา เกิดนาวี” และ “จักรพันธ์ ตั้งอนันตกิจ” นำประสบการณ์จากการทำงานตลอดเวลากว่า 20 ปี ซึ่งได้คลุกคลีกับการพับผ้ารูปแบบต่างๆ อันเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของผู้มีสุนทรีย์ มาถ่ายทอดเป็นหนังสือ “ศิลปะการพับผ้าหลากสไตล์” และ “ศิลปะการพับผ้ารูปดอกไม้” เพื่อเผยแพร่ประณีตศิลป์อันงดงาม ที่ไม่เพียงแต่ชื่นตาชื่นใจ แต่ยังมากด้วยประโยชน์ใช้สอยสำหรับงานบริการ และผู้มีรสนิยมวิไล ครบครันทั้งเทคนิคการพับผ้าสำหรับผูกคอขวดแชมเปญ, การพับผ้าเป็นรูปภาชนะต่างๆ, การพับผ้าตะกร้าขนมปัง, การพับผ้าสำหรับใส่ของกระจุกกระจิก, การพับผ้าใส่อุปกรณ์ต่างๆบนโต๊ะอาหาร, การพับผ้าขนหนูผืนเล็ก และการพับผ้าเป็นรูปดอกไม้สำหรับการตกแต่งประดับประดา.


Pic_366793




Read More...


ถ่านก้อนดูดกลิ่น' หลากสไตล์ งานภูมิปัญญาสู่กิจการทำเงิน *

                             ผลิตภัณฑ์ "ถ่านก้อนดูดกลิ่น" ภายใต้แบรนด์ "ธูปหอมอัมพัน" เป็นความสวยงามแปลกตา แตกต่างจากที่เคยเห็น รวมทั้งสีสันอันงดงาม นับเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่เกิดจากภูมิปัญญาดั้งเดิมอันผ่านกระบวนการออกแบบ ที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบชิ้นงานให้มีความแตกต่างและทันสมัย ด้วยอาศัยช่างชำนาญจากชุมชนร่วมสร้างสรรค์ผลงานสรรค์จนได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์ ชุมชน ทำให้มีการสั่งซื้อทั้งภายในและต่างประเทศ สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการและคนในชุมชนเฉลี่ยแล้วไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อเดือน
                             นายอดิสรณ์ เครืออยู่ ฝ่ายการตลาดของผลิตภัณฑ์ธูปหอมอัมพัน เล่าถึงที่มาของชิ้นงานที่มีการวิจิตรบรรจง ผ่านกระบวนการออกแบบอย่างสร้างสรรค์ว่าเดิมที่ผลิตภัณฑ์ธูปหอมอัมพัน เริ่มต้นจากการทำธูปหอมอโรม่า โดยมี นายสันติ  เครืออยู่ เป็นผู้ริเริ่มรวมกลุ่มกับ กลุ่มแม่บ้านแม่ตาวแพะ ต.แม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อส่งจำหน่ายตามสถานที่ต่างๆ ของประเทศ ต่อมาเมื่อทำไปได้สักระยะหนึ่ง กลับพบว่ามีหลายพื้นที่มีการทำกิจการธูปหอมเช่นกัน จุดนี้จึงเป็นแรงผลักให้กลุ่มแม่บ้านแม่ตาวแพะ จำเป็นต้องมีการค้นหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มาเสริมอยู่เสมอในการเป็นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ออกจำหน่าย
                             "ช่วงนั้นพอดีสันติเรียนจบคณะวิจิตรศิลป์ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงได้นำวิชาความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาทำการออกแบบ โดยเน้นการผลิตวัตถุดูดกลิ่น เริ่มจากการนำถ่านไปไว้ตามสถานที่ต่างๆ เช่น ในตู้เย็นเพื่อขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ต่อมาเมื่อเกิดความคิดว่าควรจะมีการออกแบบเป็นถ่านดูดกลิ่นในหลากสไตล์เพื่อ เป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค จึงทดลองนำถ่านมาบดเป็นผงผสมกับกาว และนำไปเทยังแป้นพิมพ์ที่ออกแบบไว้ รอให้แห้งจะได้ก้อนถ่านดูดกลิ่นลวดลายต่างๆ จากนั้นลงสีตกแต่ง เป็นอันเสร็จทุกขั้นตอน ก่อนนำออกจัดแสดงตามงานต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศอย่างมาก" นายอดิสรณ์ แจง




                             จากจุดเริ่มต้นจากธูปหอมอโรม่า มาจนถึงการทำถ่านดูดกลิ่น กลุ่มแม่บ้านแม่ตาวแพะ ได้ก่อตั้งมานานกว่า 8 ปีแล้ว และกลุ่มลูกค้าหลังกว่า 90% เป็นลูกค้าภายในประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ภูเก็ต สงขลา เมืองพัทยา บ้านหอมเทียน จ.ราชบุรี ตลาดน้ำ 4 ภาค จ.ชลบุรี และกระจายไปทั่ว เนื่องจากความโดดเด่นในเรื่องของสีสัน ลวดลายของถ่านดูดกลิ่นที่แปลกแตกต่าง จึงทำให้สามารถนำถ่านดูดกลิ่น นำไปตกแต่งห้องได้อย่างสวยงาม ขณะที่ตลาดในต่างประเทศ มีเพียง 10% คือ ประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น และฮ่องกง ที่ให้ความสนใจนำเข้าผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
                             ขณะที่จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ คือ การสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า หากเป็นถ่านก้อนสีดำ เมื่อนำมาวางจำหน่ายก็ไม่ได้ราคาแต่หากมีการแต่งเต็มความคิด ในการออกแบบ ทำให้ถ่านก้อนธรรมดาสร้างมูลค่าให้ได้อย่างมหาศาล เฉลี่ยแล้วสามารถสร้างรายได้ต่อปีไม่ต่ำกว่า 1.2-1.3 ล้านบาท นอกจากถ่านดูดกลิ่นแล้ว ผลิตภัณฑ์ของธูปหอมอัมพัน ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ มากมาย ทั้งเครื่องหอมอโรม่า ที่ทำมาจากแป้งปั้นมีลักษณะเป็นหิน เมื่อมีการหยดน้ำมันหอมระเหย หินก็จะสามารถส่งกลิ่นหอมได้ ซึ่งสามารถนำไปวางไว้ตามจุดต่างๆ ได้ รวมทั้งถ่านมะพร้าว ตะกร้าสาน
                             นายอดิสรณ์เล่าอีกว่า จากการรวมกลุ่มอันยาวนาน กลุ่มแม่บ้านแม่ตาวแพะ ยังเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมรายได้ให้คนในชุมชนด้วย โดยจะมีการจ้างงานภายในชุมชน อาศัยแรงงานชาวบ้านในพื้นที่ที่ว่างเว้นจากการทำงานประจำมาใช้เวลาว่างในการ หารายได้เสริม ทั้งการตกแต่งลวดลาย การอัดถ่านก้อน โดยกลุ่มจะมีการแบ่งรายได้ส่วนต่างให้สมาชิก เฉลี่ยชิ้นละ 50 สตางค์ ซึ่งขึ้นอยู่ว่าสมาชิกจะสามารถทำได้มากน้อยเพียงใด
                             อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในอนาคตทางกลุ่มมองว่าจะมีการเน้นการส่งขายในต่างประเทศมากขึ้น โดยจะต้องมีการหาวิธีแก้ข้อเสีย ของผลิตภัณฑ์ให้ได้ก่อน โดยจะขอความรู้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการร่วมกันหาแนวทางในการแก้ไข เนื่องจากผลิตภัณฑ์เป็นถ่านอัดก้อน เมื่อมีการเดินทางในระยะไกล หรือมีการขนส่งที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้สินค้าได้รับความเสียหายได้
                             ทั้งนี้ นายอดิสรณ์ เครืออยู่ คาดหวังว่าจะใช้เวลาในการศึกษาไม่นานนัก รวมทั้งหากผู้ที่สนใจต้องการเลือกดู สามารถสอบถามผลิตภัณฑ์ติดต่อได้ที่ 82 หมู่ 3 ต.แม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก อดิสรณ์ย้ำยินดีให้ความสะดวกกับทุกสายที่มีความสนใจในอาชีพนี้

credit by :  http://www.komchadluek.net/detail/20130720/163566/ทำมาหากิน:ถ่านก้อนดูดกลิ่น.html#.UiNSOKzhd9A

Read More...


แปรรูปสู่ 'กุหลาบมหัศจรรย์' งานสร้างมูลค่าเพิ่มให้ดอกไม้ *

                             พื้นที่ อ.พบพระ จ.ตาก เป็นแหล่งปลูกดอกกุหลาบที่ใหญ่ที่สุดของไทย ทว่าจากความผันผวนของราคาที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา บวกปัญหาการนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้ธุรกิจดอกกุหลาบพื้นที่ อ.พบพระ เริ่มลด แต่พบว่ายังมีผู้ประกอบการอีกหนึ่งรายที่ยืนหยัดต่อสู้ พร้อมเปลี่ยนแนวคิดจากการส่งออกกุหลาบสดมาเป็นกุหลาบแห้งเหมือนจริง หรือที่เรียก "กุหลาบมหัศจรรย์" ของ ไร่ปฐมเพชร ถือเป็นจุดเปลี่ยนทำให้กุหลาบถิ่นนี้กลับมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
                             นายภราดร กานดา เจ้าของไร่ปฐมเพชร เล่าว่า เดิมทีทำสวนกุหลาบอยู่ที่ จ.นครปฐม ต่อมาเมื่อพื้นที่ดินที่นั่นเริ่มเสื่อมคุณภาพ และเพื่อนที่ปลูกกุหลาบด้วยกัน ย้ายมาปลูกในพื้นที่ อ.พบพระ จ.ตาก เนื่องจากสภาพอากาศ พื้นดินเหมาะสมจนทำให้ อ.พบพระ เป็นแหล่งปลูกกุหลาบเพื่อการค้า การส่งออกทั้งในและต่างประเทศใหญ่ที่สุด แต่ช่วงหลังกุหลาบมักประสบปัญหาเรื่องต้นทุนและอายุสินค้าค่อนข้างสั้น เน่าเสียง่าย
                             "จึงเกิดแนวคิดนำกุหลาบมาเพิ่มมูลค่า บวกกับมีบริษัทเอกชนเสนอให้ส่งดอกกุหลาบแห้งให้ พร้อมบอกเทคนิควิธี จึงตกลงและทดลองทำ 3 ปี กว่าจะประสบความสำเร็จในการให้สีของดอกกุหลาบอยู่คงทน แต่ด้วยทางไร่เป็นสถานที่ศึกษาดูงาน ทำให้แต่ละครั้งจะมีแขกมาเยี่ยม ทางไร่จึงทดลองนำกุหลาบแห้งมาใส่โหล มอบให้เป็นของที่ระลึก" เจ้าของไร่ปฐมเพชร บอกที่มา
                             กระทั่งผู้เยี่ยมชมไร่บางรายสนใจและขอซื้อ จึงเกิดแนวคิดหาวิธีนำกุหลาบแห้งมาใส่โหลให้อยู่ได้นาน และทดสอบการเปลี่ยนแปลงของกุหลาบ พบว่ากุหลาบรุ่นแรกที่ได้ทดลองผ่านมา 7 ปี ยังคงให้สีสันสวยงาม จากนั้นจึงนำดอกกุหลาบแห้งบรรจุในโหลแก้วเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งไม่เพียงดอกกุหลาบเท่านั้น ไร่ปฐมเพชรยังนำดอกไม้ชนิดอื่นมาทำให้เป็นดอกไม้แห้งแต่ยังคงความสด มีสีที่สวยงาม ทั้งดอกดาวเรือง ดอกบัว กล้วยไม้ หรือดอกไม้ที่ลูกค้าชื่นชอบ
                             "ต้องสั่งล่วงหน้าเพื่อให้ทางไร่ได้ทดลองก่อน เพราะดอกไม้บางชนิดมีกลีบอ่อน เมื่อนำมาผ่านกระบวนการแล้วทำให้สีลดลง ที่ผ่านมากุหลาบที่ผ่านขั้นตอนการทำให้แห้งและบรรจุในโหลแก้ว อยู่นานถึง 10 ปี ขณะที่ไร่จะรับประกัน 1 ปี หากสีของดอกไม้เปลี่ยนหรือเหี่ยวเฉา เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า


                             นายภราดร เล่าอีกว่า ขณะนี้ได้มองการส่งออกสินค้าด้วย โดยเฉพาะกลุ่มอาเซียน เนื่องจากการนำสินค้าไปจัดแสดงในต่างประเทศ พบว่ากลุ่มลูกค้าสนใจกุหลาบมหัศจรรย์มาก โดยเฉพาะในพม่าและเวียดนาม อีกทั้งยังไม่พบคู่แข่งในกลุ่มตลาด 2 ประเทศนี้ ซึ่งหลังจากนี้จะศึกษากระบวนการ ขั้นตอนในการวางแนวทางส่งออกกุหลาบมหัศจรรย์ไปยังตลาดต่างประเทศ
                             "เรามีเครือข่ายเกษตรกรที่ช่วยเหลือในการเลือกซื้อกุหลาบอีก 8 ราย โดยจะรับซื้อจากสมาชิกหากกุหลาบของไร่ไม่เพียงพอ โดยให้ราคาสูงกว่าท้องตลาด แบ่งตามเกรด รวมทั้งน้อมนำพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำเกษตรผสมผสานเพื่อให้เป็นศูนย์กลางถ่ายทอดความรู้ให้ผู้สนใจ ด้วยจัดพื้นที่ปลูกดอกกุหลาบให้น้อยลงจาก 40 ไร่ เหลือ 3-5 ไร่ และปลูกพืชอื่นทดแทน ทั้งไม้ผล ดอกไม้ เป็นการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้ครอบครัว"
                             ทั้งนี้ สนนราคาสินค้ากุหลาบมหัศจรรย์จะแตกต่างกันไป เริ่มจากขนาดเล็กดอกไม้ดอกเดียว ดอกไม้ประกอบ ไปจนถึงเป็นช่อ ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า ทว่า ราคาเริ่มที่ 100 บาท ไปจนถึงหลักพันบาท และจะขายดีช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น วันวาเลนไทน์ ส่วนผู้ที่สนใจในผลิตภัณฑ์ สอบถามรายละเอียด หรือสั่งซื้อสินค้าได้ที่ 15/1 หมู่ 6 ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก

credit by :  http://www.komchadluek.net/detail/20130717/163595/ทำมาหากิน:แปรรูปสู่กุหลาบมหัศจรรย์.html#.UiNSNazhd9A

Read More...


เนกไทไหม' โกมลผ้าโบราณ สู่ผลิตภัณฑ์ติดดาวเมืองแพร่ *

                           จ.แพร่ มีสินค้าที่นิยมและรู้จักกันดีของคนทั่วไป นั่นก็คือเสื้อหม้อห้อมงานหัตถกรรมที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ จ.แพร่ มาเป็นเวลานาน นอกจากนี้ในพื้นที่ อ.ลอง ยังมีสินค้าที่น่าสนใจอีกชนิดหนึ่งคือ ผ้าซิ่นหรือผ้าตีนจกที่ปัจจุบันถูกพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ให้เป็นสินค้าโอท็อป ในรูปแบบต่างๆ เช่น เนกไทไหมที่พัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ให้ดูทันสมัยและมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นเท่า ตัว และสามารถสร้างรายได้ให้แก่สมาชิกในกลุ่มผ้าทอโกมลได้สูงสุดถึงเดือนละ 20,000 บาท

                           โกมล พานิชพันธ์ เจ้าของพิพิธภัณฑ์โกมลผ้าโบราณ เปิดเผยว่า ผ้าซิ่นหรือผ้าตีนจกเป็นที่นิยมใช้ของชาวไทยญวนโยนกและมีบทบาทในการใช้ใน ชีวิตประจำวันของผู้คนมาตั้งแต่สมัยล้านนา นับได้ว่าเป็นมรดกตกทอดชิ้นสำคัญที่สั่งสมกันมาตั้งแต่รุ่นบรรพชนจนกระทั่ง มาถึงรุ่นลูกหลานในยุคปัจจุบัน ดังนั้นจึงเริ่มศึกษาเกี่ยวกับผ้าตีนจกอย่างจริงจังเรื่อยมาจนกระทั่งปี พ.ศ.2530 ได้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์โกมลผ้าโบราณขึ้นเพื่อเก็บสะสมผ้าตีนจก ผ้าโบราณของ อ.ลอง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2522 เป็นต้นมา
                           "ในส่วนของผลิตภัณฑ์เนกไทไหมถูกพัฒนามาจากการนำผ้าตีนจกมาปรับเปลี่ยนรูปแบบ ให้ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น เน้นการเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่และเพิ่มมูลค่าสินค้าทำให้เหมาะสำหรับการใช้ งานกับกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างมากขึ้นเพื่อนำส่งไปจำหน่ายในร้านค้าโอท็อป สาขาต่างๆ รวมถึงกรุงเทพมหานครด้วย"

                           ด้วยเหตุที่เนกไทไหมเป็นสินค้าหัตถกรรม จึงไม่มีรูปแบบและลวดลายที่ตายตัว แต่จะมีการพัฒนารูปแบบใหม่ไปเรื่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปตามโอกาสและความต้องการของลูกค้าแวกแนวแตกต่างจากสินค้าอื่นๆ ที่มีขายตามท้องตลาด เพราะเนกไทไหมภายใต้แบรนด์ โกมลผ้าโบราณ จะมีรูปแบบที่โดดเด่นเฉพาะด้านนั้นก็คือ วัตถุดิบที่ทำมาจากผ้าโบราณ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่เห็นได้อย่างชัดเจนและไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ มีความสวยงามของเนื้อผ้าในตัวด้วยลวดลายผ้าไทยโบราณที่มีหลากหลายรูปแบบ หลายโทนสี ด้วยขนาดความกว้าง 11 ซม. ยาว 3 ซม. สูง 34 ซม. ในราคาเริ่มต้นที่ชิ้นละ 1,500 บาท




                          โกมลเผยต่อว่า ปัจจุบันเนกไทผ้าไหมก้าวขั้นถึงระดับสินค้าโอท็อป 5 ดาวแล้ว และสินค้าในแต่ละชิ้นล้วนแต่ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานแล้วทั้งสิ้น ซึ่งสำหรับการทอผ้าตีนจกนั้นจะใช้เวลานานตั้ง 45-120 วันโดยประมาณ แล้วแต่ความยากง่ายของลวดลาย แต่ปัจจุบันนี้วัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่นเริ่มหาได้ยาก ดังนั้นจึงมีการปรับเปลี่ยนและพัฒนาวัตถุดิบที่มีอยู่ด้วยเทคโนโลยีที่ทัน สมัยมากขึ้น
                           พร้อมกันนี้ก็แสวงหาแหล่งผลิตของวัตถุดิบแห่งใหม่ควบคู่กันไปด้วยเพื่อการ พัฒนาที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น จนกระทั่งพบแหล่งผลิตเส้นไหมที่ปั่นด้วยมือจาก จ.เลย ทางกลุ่มจึงได้นำสั่งวัตถุดิบโดยตรงจากลุ่มเครือข่ายมาโดยตลอด ถึงแม้จะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องการทอผ้าปั่นฝ้ายที่ทำด้วยมือนั้นยังถือ เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นศิลปวัฒนธรรมที่คนรุ่นหลังต้องช่วยกันสืบทอดต่อไป

                           "ปกติทางพิพิธภัณฑ์โกมลผ้าโบราณจะมีการสอนวิธีการทอผ้าให้แก่นักท่องเที่ยว ที่มีความสนใจ รวมทั้งช่วยส่งเสริมรายได้ให้กับประชาชนที่มีความสนใจด้านการทอผ้าปักผ้าแบบ โบราณอีกด้วย" เจ้าของพิพิธภัณฑ์โกมลผ้าโบราณกล่าว พร้อมระบุว่า

                           ปัจจุบันทั่วทั้งอำเภอมีสมาชิกกลุ่มทอผ้าปักแบบโบราณอยู่ประมาณ 40 กว่าคนและสำหรับสมาชิกคนไหนที่ตั้งทำใจผลิตภัณฑ์อย่างจริงจัง สามารถสร้างรายได้ให้ครอบครัวได้ถึงเดือนละ 5,000-20,000 บาท หากสนใจอยากหารายได้เสริม สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นโกมลผ้าโบราณ เลขที่ 157/2 ตรงข้ามโรงเรียนลองวิทยา อ.ลอง จ.แพร่ หรือติดต่อโดยตรง โทร.08-1807-9960, 0-5458-1532 ได้ตลอดเวลา

                           "เนกไทไหม" โอท็อป 5 ดาวเมืองแพร่ นับเป็นอีกผลิตภัณฑ์เด่นที่ประยุกต์มาจากภูมิปัญญาชาวไทยญวนโยนก นอกจะสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่คนเมืองแพร่แล้วยังเป็นที่นิยมจากลูกค้าที่ เห็นคุณค่าในการอนุรักษ์ภูมิปัญญาคนเมืองอีกด้วย

credit by :  http://www.komchadluek.net/detail/20130817/165873/ทำมาหากิน:เนกไทไหม.html#.UiNOMazhd9A

Read More...


ตุ๊กตามดลูกยาง' แฮนด์เมดคนยะลาตีตลาดมาเลย์ *

                          จากลูกยางที่ร่วงหล่นใต้โคนต้นถูกเก็บมาแปรรูปเป็นของที่ระลึก จากไอเดียและฝีมือของ “ภิญโญ และ ยินดี พูลภิญโญ” สองสามีภรรยา อดีตข้าราชการประจำศูนย์วิทยาศาสตร์ และครูโรงเรียนอนุบาลยะลา ที่เล็งเห็นว่า ทุกส่วนของต้นยางพาราสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งใบยางพาราที่มีการนำไปแปรสภาพเป็นเยื่อกระดาษ ดังนั้นจึงมองว่า “ลูกยาง” ที่คนใต้เรียกขานกันคุ้นปาก ก็สามารถนำมาต่อยอดเป็นสินค้าได้เช่นกัน
                          จุดเริ่มแรกของการนำลูกยางมาแปรเป็นสินค้าสร้างเงิน เกิดจากการทำของเล่นที่เรียกว่า “ลูกหวือ” ซึ่งเป็นของเล่นพื้นบ้านทางภาคใต้ โดยใช้วัสดุหลักคือลูกยาง ประกอบกับก้านไม้ไผ่และใบพัดไม้ไผ่ ผูกด้วยเชือกโดยพันแกนไว้ในลูกยางเมื่อดึงออกเกิดแรงหมุนแกนใบพัด และเป็นแรงหมุนเชือกกลับไปพันแกนอีก ดึงเชือกอีก แกนหมุนอีก และพันเชือกกลับแกนอีก ซึ่งปัจจุบันเสาะหามาเล่นได้ค่อนข้างยากแล้ว
                          แต่สินค้าจากลูกยางที่กำลังมาแรงในเวลานี้คือ “ตุ๊กตามดจากลูกยาง" ซึ่งเพิ่งคิดและประดิษฐ์ออกสู่สายตาผู้บริโภคเพียงปีเศษเท่านั้น แต่ได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างมาก โดยเฉพาะชาวมาเลเซีย ที่นิยมและชื่นชอบเป็นพิเศษ ขณะเดียวกันยังส่งไปจำหน่ายที่ จ.ภูเก็ต และเป็นที่ถูกใจชาวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรป และสแกนดิเนเวีย สนนราคาชิ้นละ 50 บาท


                          ยินดี พูลภิญโญ บอกว่า ปัจจุบันใช้บ้าน ที่ถนนเวฬุวัน ซอย 5 ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา เป็นสถานที่ผลิตสินค้า โดยมีชาวบ้านราว 10 ชีวิต ร่วมประดิษฐ์งานฝีมือจากเม็ดยางเพื่อส่งออกจำหน่ายทุกวัน โดยแบ่งภารกิจด้วยการหาลูกยาง คัดขนาดลูกยาง จากนั้นแกะเนื้อในออกจากลูกยาง ก่อนจะนำมาประกอบแบบ แล้วเข้าสู่กระบวนการตกแต่ง และลงสี ซึ่งจะมีผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้วันละไม่กี่สิบชั้น เนื่องจากเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดลออ และประณีตเป็นพิเศษ

                          “สินค้าตุ๊กตามดจากลูกยาง จะขายดีในกลุ่มมาเลเซียและชาวต่างชาติ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่นอกจากมองว่าเป็นงานฝีมือสร้างจากวัตถุดิบในท้องถิ่นแล้ว ยังเห็นว่ามีความหมาย เพราะมดเป็นสัตว์ที่แสดงออกถึงพลังแห่งความสามัคคีเป็นที่สุด” ยินดี กล่าว

                          ยินดี กล่าวด้วยว่า ที่สำคัญสินค้าที่ขายได้ยังช่วยสร้างงานให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ได้มีรายได้ เพิ่มเติมเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องในวันที่สถานการณ์ความไม่สงบยังคุกรุ่น อยู่ ซึ่งผลพวงความรุนแรงได้ฉุดให้เศรษฐกิจและรายได้ของชาวบ้านลดต่ำลงไปด้วย แต่วันนี้มีสินค้าจากลูกยาง โดยเฉพาะตุ๊กตามด ที่พอจะช่วยให้สมาชิกในกลุ่มมีรอยยิ้มบนใบหน้าได้บ้าง

                          หากสนใจสินค้าที่ระลึก ซึ่งประดิษฐ์จากเม็ดยาง โดยเฉพาะตุ๊กตามด เพื่อช่วยสนับสนุนผลงานจากไอเดียของคนชายแดนใต้ และช่วยเติมความสุขและแต่งแต้มรอยยิ้มในวันที่หมอกเมฆควันแห่งความรุนแรงยัง ปกคลุมดินแดนปลายด้ามขวาน ติดต่อ 08-9463-3975 หรือ 08-7477-6734 ยินดี ยืนยันว่าพร้อมจัดส่งและให้บริการถึงที่ พร้อมถ่ายทอดความรู้ให้ฟรีๆ อีกด้วย

credit by :  http://www.komchadluek.net/detail/20130831/166895/หนักเอาเบาสู้:ตุ๊กตามดลูกยาง.html#.UiNMSKzhd9A

Read More...


ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0










































 
Blogger Tips and TricksLatest Tips And TricksBlogger Tricks
Do it your self,handmade,HandiCraft,งานฝีมือ,อาชีพเสริม,ช่องทางทำเงิน บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.