บทความที่ได้รับความนิยม


Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

หนอนนก เพาะเลี้ยงง่าย ลงทุนน้อย รายได้ดี

หนอนนก เพาะเลี้ยงง่าย ลงทุนน้อย รายได้ดี

เมื่อวันที่ 9-11 พฤศจิกายน 2553 ที่ผ่านมา
สำนักวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร (สวป.) กรมวิชาการเกษตร
ได้จัดงาน ในหัวข้อ "งานวิจัยใช้ได้จริง" ขึ้น กิจกรรมภายในงานมีการจัดแสดงและสาธิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ
นิทรรศการ ผลิตภัณฑ์แปรรูป ผลผลิตเกษตรที่ปลอดโรคและผู้บริโภคปลอดภัย
หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์จากหน่วยงานและบริษัทต่างๆ เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ งานดังกล่าวได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี

โปรแกรมรายการสาธิตการแปรรูป ผลิตภัณฑ์ในงานมีหลายเรื่องที่น่าสนใจ
และสามารถนำไปใช้ประกอบอาชีพหารายได้ได้ทันที และมีรายการหนึ่งเป็นที่สนใจไม่แพ้รายการอื่นคือ
เรื่อง "รวยด้วยหนอนนก" เป็นเรื่องที่กำลังได้รับความสนใจอย่างแพร่หลาย ในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพหลายสาขา
เพราะเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สามารถทำเงินได้อย่างงดงาม







หนอนนก เป็นชื่อสามัญที่เรียกสำหรับหนอนของแมลงปีกแข็งชนิด Tenebrio molitor
หรือในชื่อสามัญภาษาอังกฤษว่า Mealworm ปัจจุบันนิยมเพาะเลี้ยงเป็นสัตว์เศรษฐกิจ
โดยมีความสำคัญใช้เป็นอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงชนิดต่างๆ โดยเฉพาะ สัตว์เลี้ยงสวยงาม เช่น ปลาสวยงาม
นกสวยงาม สัตว์เลื้อยคลาน รวมถึงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กบางชนิด เช่น แฮมสเตอร์ หรือกระรอก
อีกทั้งเกษตรกรหรือผู้สนใจทั่วไปยังสามารถเพาะเลี้ยงหนอนนกได้เอง เพราะมีต้นทุนต่ำ เลี้ยงง่าย
ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการซื้ออาหารเลี้ยงสัตว์เหล่านั้นได้

กลุ่มวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว สำนักวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
และแปรรูปผลผลิตเกษตร กรมวิชาการเกษตร เป็นหน่วยงานที่ให้บริการด้านคำแนะนำ ให้ความรู้ และอบรม
วิจัย พัฒนา และถ่ายทอดองค์ความรู้และนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของชาติ และยังเป็นหน่วยงานที่จัดให้ความรู้ อบรม
เทคนิคการเพาะเลี้ยง และขยายพันธุ์หนอนนกให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจทั่วไป

คุณอัจฉรา เพชรโชติ นักวิชาการเกษตรปฏิบัติการ เป็นบุคคลหนึ่งในทีมกลุ่มวิจัยฯ ได้ให้ข้อมูลว่า
ด้วงหนอนนก (Yellow mealworm) เป็นแมลงที่ชอบทำลายเมล็ดแตก ผลิตภัณฑ์จากธัญพืชและซากแมลง
มีขนาดลำตัว 12.0-16.0 มิลลิเมตร มีรูปร่างตัวเต็มวัยสีน้ำตาลเข้ม ลำตัวแบน
ตัวหนอนสีเหลืองอมน้ำตาล รูปทรงกระบอก

แมลงชนิดนี้เป็นแมลงที่ใหญ่ที่สุดของแมลงศัตรูผลิตผลเกษตร ตัวเต็มวัยเพศเมีย วางไข่ประมาณ 500 ฟอง
ระยะไข่ 7 วัน ระยะหนอน 90 วัน ระยะดักแด้ 7 วัน ตัวเต็มวัยมีอายุประมาณ 2-3 เดือน
ระยะเจริญเติบโตประมาณ 3 เดือน มักพบมากในเขตอบอุ่นและมีความทนทานต่ออากาศหนาว
โดยมีศัตรูธรรมชาติคือ ตัวห้ำ ได้แก่ Amphibolus venator

"หนอนนก ให้คุณค่าทางอาหารค่อนข้างสูง เหมาะสำหรับสัตว์ปีกทุกชนิด รวมถึงปลาสวยงามต่างๆ
เพราะหนอนนกให้โปรตีนสูงในบรรดาธาตุอาหาร รองลงมาจะเป็นไขมัน
นอกจากนั้น ยังมีแร่ธาตุที่สะสมในตัวหนอนอีกหลายอย่าง

อันที่จริง ด้วงหนอนนก เป็นแมลงศัตรูชนิดหนึ่งของผลิตผลเกษตร และมันใช้ผลิตผลเกษตรเป็นอาหาร
แต่ปัจจุบันมีการนำหนอนนกมาเลี้ยงเชิงธุรกิจบ้าง หรือเพื่อใช้ในการให้อาหารแก่สัตว์ จึงนิยมใช้อาหารเลี้ยงแทน
จริงๆ มันบินได้ แต่ไม่ค่อยบิน ชอบอุณหภูมิที่ต่ำๆ แต่โดยทั่วไปเกษตรกรจะนำไปเลี้ยงที่สวน ในสภาพอากาศปกติ"
คุณอัจฉรา กล่าว










นักวิชาการยังอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า วงจรชีวิตของด้วงหนอนนก มี 4 ระยะ
อันได้แก่ หนึ่ง ตัวเต็มวัย ที่เป็นพ่อ-แม่พันธุ์ จากนั้นสอง จึงวางไข่ แล้วสาม เป็นหนอน และสี่ เป็นดักแด้

"ช่วงเวลาที่ใช้ประโยชน์คือระยะที่เป็นหนอน จะเป็นช่วงอายุประมาณ 2 เดือนครึ่ง ที่นำไปใช้เป็นอาหารสัตว์
แต่ถ้าช่วงใดที่ของขาดตลาด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูร้อน และมีความจำเป็นต้องรีบใช้ อาจเหลือเพียง 1 เดือนครึ่งก็ได้" คุณอัจฉรา บอก


การเตรียมอุปกรณ์
1. ถาดอะลูมิเนียม กว้าง 11 นิ้ว ยาว 15 นิ้ว ขอบสูง 2-3 นิ้ว
2. หรือกล่องพลาสติค ขนาดกว้าง 8 นิ้ว ยาว 11.5 นิ้ว ขอบสูง 4 นิ้ว
3. สำลี หรือผ้าขาวบาง เพื่อใช้ชุบน้ำ
4. ชั้นเลี้ยงแมลงสำหรับวางถาด
5. อาหารไก่
6. น้ำผึ้ง
7. ตะแกรงสำหรับร่อนตัวหนอน


ขั้นตอนการเลี้ยง


1. นำอาหารไก่ปริมาณ 500 กรัม เทลงในถาดอะลูมิเนียม จากนั้นให้ใส่หนอนนกลงไป ประมาณ 300 ตัว
และใช้สำลีชุบน้ำหรือน้ำผึ้งผสมน้ำให้ชุ่มพอหมาด วางลงกลางถาด (หมั่นเติมน้ำเป็นระยะ อย่าให้น้ำแห้ง)
แล้วปิดด้วยตาข่ายมุ้ง ควรวางบนชั้นสำหรับเลี้ยงแมลงหรือเลี้ยงในห้องที่มีมุ้งลวด
การเติมอาหารควรเติมทุก 1-2 สัปดาห์

2. เมื่อเลี้ยงได้ระยะหนึ่ง หนอนนกจะเข้าเป็นดักแด้ ซึ่งในช่วงนี้จะไม่กินอาหาร ประมาณ 5-7 วัน
ให้แยกดักแด้ออกมาใส่ลงในถาดใหม่
เมื่อดักแด้เปลี่ยนเป็นตัวเต็มวัย ให้แยกไปไว้ในถาดที่มีอาหารเหมือนกับการเริ่มเลี้ยงหนอน
โดยใส่ตัวเต็มวัยถาดละ 100-150 คู่ จากนั้น ตัวเต็มวัยจะเริ่มผสมพันธุ์
หลังจากที่ออกจากดักแด้ ประมาณ 7 วัน ตัวเมียจะวางไข่ ตัวละ 1-2 ฟอง ต่อวัน อายุการวางไข่ 40-50 วัน

3. หลังจากตัวเต็มวัยวางไข่แล้ว 7 วัน ให้แยกตัวเต็มวัยออกจากถาดเดิม นำไปเลี้ยงในอาหารถาดใหม่
เพื่อให้ตัวเต็มวัยวางไข่และเจริญเติบโตเป็นตัวหนอน ซึ่งจะใช้เวลา 5-7 วัน
ระยะหนอนจะลอกคราบ 10-14 ครั้ง หรือมีอายุ 75-90 วัน ทั้งนี้ ช่วงเวลาสำหรับนำไปขายที่ประมาณ 60 วัน

ให้เลี้ยงขยายพันธุ์ไปเรื่อยๆ ตามวิธีที่กล่าวมาข้างต้น
สำหรับการคัดเลือกตัวเต็มวัยเพื่อการวางไข่ ควรเลือกหนอนที่มีขนาดใหญ่และมีสุขภาพแข็งแรง
ทั้งนี้ ให้สังเกตจากการเคลื่อนไหวอย่างว่องไว พร้อมกับแยกใส่ถาดอาหารใหม่ทุก 1-2 สัปดาห์
เพื่อให้ได้ไข่หรือหนอนที่มีขนาดใกล้เคียงกันเป็นชุดๆ

การเลี้ยงในปัจจุบัน ให้ใช้อาหารไก่รุ่นในการเพาะเลี้ยง
เพราะอาหารไก่ให้สารอาหารที่ดีต่อหนอนนกมากกว่ารำข้าวสาลี หรือรำละเอียดที่เคยใช้ในอดีต
แต่อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้เลี้ยงที่จะหามาได้ง่าย และประหยัดค่าใช้จ่ายเป็นหลัก

"ข้อควรระวังสำหรับอาหารไก่ที่นำมาเลี้ยงคือ
ต้องตรวจดูมด มอด หรือแมลงอื่นๆ ที่อาจจะเข้ามาปะปนกับอาหารไก่ได้ และควรกำจัดเสียก่อน
เพราะสิ่งเหล่านั้นจะเป็นศัตรูของหนอนนก
อีกทั้งยังมีพวกจิ้งจก หนู และแมลงสาบ ที่ควรระวัง พร้อมหาทางป้องกันด้วย
ข้อแนะนำ สำหรับคนที่เพิ่งเลี้ยงและไม่ต้องการใช้พื้นที่มาก
ก็ให้นำอาหารไก่ที่จะใช้ไปใส่ในช่องแช่แข็งของตู้เย็นไว้อย่างน้อย 3 วัน
เพื่อเป็นการกำจัดมด มอด และแมลงอื่นๆ ก่อน เพราะความเย็นจัดจะช่วยกำจัดแมลงเหล่านั้นได้
เมื่อครบกำหนดให้นำออกจากตู้เย็น นำมาผึ่งไว้ด้านนอกที่อุณหภูมิปกติ อีกประมาณ 2 วัน
เพื่อไล่ความชื้นออกไป เพราะหัวใจการเลี้ยงที่สำคัญคือความชื้นและความสะอาด" นักวิชาการให้รายละเอียด

ส่วนการให้น้ำหนอนนก
ให้ใช้ผ้าขาว ตัดขนาดเท่าฝ่ามือ แล้วฉีดพ่นน้ำใส่ผ้าพอหมาดๆ (อย่าพ่นใกล้หนอนและอาหาร)
แล้วนำผ้าที่พ่นน้ำวางลงบนถาดที่มีหนอน เพราะเมื่อหนอนกินอาหารแล้วจะดูดน้ำจากผ้า
หากไม่ใช้ผ้าก็อาจใช้สำลีแทน โดยใช้วิธีการเดียวกัน ทั้งนี้ จะให้น้ำเพียงวันละครั้งเท่านั้น

นอกจากผ้าและสำลีแล้ว หากทำเป็นฟาร์มขนาดใหญ่อาจใช้ผักหรือผลไม้ได้
แต่ต้องแน่ใจว่าผักและผลไม้เหล่านั้นปลอดจากสารพิษ
โดยการนำไปล้างให้สะอาดแล้วปล่อยให้สะเด็ดน้ำ ก่อนนำไปวางบนภาชนะที่เลี้ยง หนอน
ข้อควรระวังคือ ต้องหมั่นเปลี่ยนบ่อยๆ เพราะถ้าผลไม้หรือผักเน่าจะมีเชื้อรา ไร และแบคทีเรีย


การให้อาหารหนอน
ต้องหมั่นตรวจดูว่า พร่องลงบ้างหรือไม่ หากพร่องให้ใช้กระชอนตักหนอนและอาหารที่เหลือขึ้นมาให้หมด
แล้วย้ายไปใส่ไว้ในถาดใบใหม่ที่ใส่อาหารเตรียมไว้แล้ว
สำหรับถาดเดิมที่ย้ายหนอนออกมาจะพบว่า มีมูลหนอนอยู่ อย่าทิ้ง...ให้นำไปใส่ต้นไม้
เพราะเป็นปุ๋ยอย่างดีเลยทีเดียว บางแห่งที่เลี้ยงหนอนมากๆ เขาจะนำมูลหนอนไปบรรจุถุงขาย ในราคา 10 บาท

นักวิชาการแนะนำว่า การเลี้ยงหนอนไปนานๆ ในปริมาณมากๆ อย่าให้ผสมพันธุ์กันเองอยู่ตลอด
เพราะการผสมพันธุ์กันเองอาจทำให้พันธุ์ที่ได้รุ่นต่อๆ มาขาดความแข็งแรง ไม่ค่อยสมบูรณ์
ดังนั้น จึงควรนำพันธุ์จากที่ต่างกันหรือที่ไกลๆ มาผสมกันเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์และแข็งแรงมากยิ่งขึ้น

นอกจากนั้น นักวิชาการคนเดิมยังให้คำแนะนำเพิ่มเติมอีกว่า
ถ้าเป็นมือใหม่ และประสงค์จะเลี้ยงหนอนนกเพื่อเป็นการหารายได้เสริม ควรเริ่มต้นแบบประหยัดก่อน
อย่าเพิ่งทุ่มเทลงทุนจำนวนมาก เมื่อทำไปได้สักระยะหนึ่งและเริ่มคุ้นเคย จนสามารถควบคุมงานทั้งหมดได้แล้ว
จึงค่อยลงทุนเพิ่มในภายหลัง


การลงทุนในการเลี้ยงหนอนนก
หากผลิตหนอนนก 1 กิโลกรัม จะใช้ต้นทุนประมาณ 70 บาท และใช้เวลาในการผลิต 8-9 สัปดาห์
ส่วนราคาขายในปัจจุบัน (ปี 2553) นิยมขายปลีก ที่ขีดละ 40-80 บาท และกิโลกรัมละ 300-500 บาท

"สำหรับมือใหม่ สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ โดยให้ใช้อุปกรณ์หรือภาชนะที่มีอยู่ในบ้านก่อน
ไม่ว่าจะเป็นลัง กล่อง หรือถาดพลาสติคเก่าๆ สามารถนำมาใช้ได้ทั้งนั้น
หากประสบความสำเร็จทำจนเกิดความชำนาญแล้ว มีตลาดรองรับแล้ว
ค่อยต่อยอดขยายผลไปซื้ออุปกรณ์หรือภาชนะที่มีขนาดใหญ่ เข้ามาเพิ่มก็ยังไม่สายไป" คุณอัจฉรา กล่าวในที่สุด

อันเนื่องมาจากการเลี้ยงหนอนนกทำได้ง่าย สะดวกไม่ยุ่งยาก ไม่เปลืองสถานที่
จึงทำให้มีผู้สนใจเลี้ยงหนอนนกเพิ่มขึ้น บ้างเลี้ยงเพื่อเป็นรายได้เสริม บ้างเพาะขายเป็นธุรกิจ
บ้างเลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหารของสัตว์ต่างๆ ซึ่งเป็นการลดต้นทุนได้อย่างมาก

ท่านผู้อ่านที่มีความสนใจและประสงค์จะลองเลี้ยงหนอนนก สามารถติดต่อขอรายละเอียดได้ที่
กลุ่มวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว สำนักวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
และแปรรูปผลิตผลเกษตร กรมวิชาการเกษตร จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์ (02) 579-7813-4


เรื่องโดย ทะนุพงศ์ กุสุมา ณ อยุธยา ta-nu-pong@hotmail.com
คอลัมน์ สัตว์เลี้ยงสวยงาม นิตยสาร เทคโนชาวบ้าน
วันที่ 01 ธันวาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 23 ฉบับที่ 492
ที่มา : http://info.matichon.co.th
ภาพจาก : http://www.hamsteronline.com

Blog นี้รวบรวมบทความอาชีพเสริม ให้กับทุกคนที่คิดว่ามีประโยชน์ มีบางบทความไม่ได้ระบุแหล่งที่มาให้ทราบ และต้องขออภัยที่ไม่ได้ให้เครดิตกับเจ้าของบทความนี้

แนะนำเวปขนมทองม้วนและคุ้กกี้ เชิญแวะชม

banyada

-------------------------------------------------------------------------------------------------


Read More...


เข็มขัดรัดกันตกรถจักรยานยนต์ นวัตกรรมใหม่ ไทยทำเอง

“จำนวนผู้สนใจสอบถามเข้ามา 100 คน จะสั่งซื้อเพียง 60 คน โดยเหตุผลหนึ่งที่ทราบจากลูกค้าว่าตัดสินใจไม่ซื้อ หรือชะลอการซื้อออกไปก่อน เพราะราคาสินค้าแพง แต่ผมเห็นว่า หากนำไปเปรียบเทียบกับความเสี่ยงที่ลดลงกับความปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้น น่าจะคุ้มค่ากว่า อีกทั้งเข็มขัดรัดลักษณะนี้หายาก หากซื้อจากต่างประเทศก็ราคาแพงกว่าด้วย”

ergro safe, เข็มขัดรัดกันตกรถจักรยานยนต์

อุปกรณ์เฉพาะสำหรับเด็กมีให้เลือกมากมาย นับตั้งแต่อุปกรณ์เสริมช่วยด้านการพัฒนาการในวัยแรกเกิด กระทั่งก้าวเข้าสู่วัยเรียน แต่อุปกรณ์ที่มีวางจำหน่ายและเลือกซื้อง่าย ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่เพิ่มการพัฒนาการด้านต่างๆ ของเด็กมากกว่าสินค้าที่เพิ่มความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน ซึ่งในการสำรวจนักเรียนในกรุงเทพมหานครจำนวน 8,264 คน จาก 5 โรงเรียนในกรุงเทพฯ โดยศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก โรงพยาบาลรามาธิบดี พบว่า นักเรียนเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ เดินทางไปกลับโรงเรียนด้วยรถจักรยานยนต์ มีจำนวน 85 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้สวมหมวกนิรภัย และมีจำนวน 3.5 เปอร์เซ็นต์ เคยประสบอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์มาก่อน

ที่นำข้อมูลเรื่องรถจักรยานยนต์มาเผยแพร่ เนื่องจากการเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับเด็กในรถยนต์ มีอุปกรณ์ป้องกันและเสริมสร้างความปลอดภัยเป็นที่รู้จักและวางจำหน่ายแพร่ หลายอยู่แล้ว ส่วนความปลอดภัยที่ใช้เป็นอุปกรณ์ป้องกันและเสริมสร้างความปลอดภัยสำหรับรถ จักรยานยนต์ในประเทศไทยยังไม่เป็นที่แพร่หลาย

คุณพิพัชร โชพิมาย เป็นหนึ่งในคนไทยที่เห็นคุณค่าและตระหนักถึงการดูแลความปลอดภัยในเด็กที่ ต้องโดยสารโดยรถจักรยานยนต์ แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่เป็นหนึ่งในผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในชีวิตประจำวันก็ตาม ซึ่งหลังการตระหนักของคุณพิพัชรแสดงออกมาในรูปของการออกแบบให้ได้คุณ ประโยชน์สำหรับเด็ก และสามารถต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้อีกด้วย

รักการออกแบบต่อยอดสร้างมูลค่า
จากการพูดคุยกับคุณพิพัชร ทราบว่า คุณพิพัชรเองมีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ จากการศึกษาตามระบบการศึกษาของไทย จากนั้นมีประสบการณ์การทำงานเป็นพนักงานธนาคาร พนักงานขาย กระทั่งมีความรู้ด้านการขายมากพอ จึงตัดสินใจเปิดกิจการขายยางรถบรรทุก และสุดท้ายเปลี่ยนกิจการเป็นขายน้ำมันหล่อลื่นเครื่องจักรให้กับบริษัท อุตสาหกรรมขนาดใหญ่แทน




เมื่อกิจการมั่นคงมีรายได้ที่แน่นอน ความต้องการทำในสิ่งที่รักจึงเป็นสิ่งที่คุณพิพัชรมองหา
“งานออกแบบเป็นสิ่งที่ผมชอบ จึงใช้อินเตอร์เน็ตค้นคว้าไปเรื่อยๆ เห็นข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ความปลอดภัยสำหรับเด็กยังมีน้อย โดยเฉพาะสายรัดกันตกรถจักรยานยนต์ในเมืองไทยยังไม่มีใครคิดและผลิตเอง หากจะใช้ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งราคาค่อนข้างสูง”

คุณพิพัชร ให้ข้อมูลว่า จากการค้นคว้าข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต ทราบราคาสายรัดกันตกรถจักรยานยนต์ซึ่งผลิตและจำหน่ายโดยประเทศแคนาดา ราคา 5,200 บาท น้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม และมีตัวล็อคต่อหลายจุด ซึ่งยุ่งยากในการใช้งาน ส่วนประเทศสหรัฐอเมริกา ราคาเพียง 2,100 บาท แต่ลักษณะคล้ายเข็มขัด 2 เส้นยึดติดกัน นอกจากนี้ ยังมีผลิตและจำหน่ายโดยประเทศอินเดีย ในราคาประมาณ 800 บาท แต่เป็นสายที่ผลิตจากผ้าทอเพียง 2 เส้นเท่านั้น

แต่การออกแบบสายรัดกันตกรถจักรยานยนต์ของคุณพิพัชร เขาบอกว่า ตัดสินใจค้นคว้าและออกแบบในครั้งแรก คิดเพียงหากสำเร็จจะนำไปให้ญาติหรือคนรู้จักใช้ เพราะเป็นสิ่งมีประโยชน์ ช่วยลดความเสี่ยงการตกจากรถจักรยานยนต์ โดยเฉพาะในเด็กได้สูง

คุณพิพัชร ใช้เวลาในการออกแบบเพียง 1 เดือน แต่ใช้เวลาสำหรับการพัฒนาให้สายรัดใช้งานได้จริงนานถึง 2 ปี และตัดสินใจส่งผลงานเข้าประกวดกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) และทราบข้อมูลว่ายังไม่มีผู้จดอนุสิทธิบัตรกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาในการออก แบบผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ คุณพิพัชรจึงเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับการจดอนุสิทธิบัตรการประดิษฐ์ “เข็มขัดรัดกันตกรถจักรยานยนต์”
แม้ว่าเบื้องต้นการออกแบบคุณพิพัชรตั้งเป้าไว้เพื่อใช้สำหรับญาติหรือคน รู้จัก เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการโดยสารรถจักรยานยนต์ให้กับเด็ก แต่เมื่อเห็นว่านวัตกรรมที่สร้างขึ้นน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ใช้สอยรายอื่น จึงตัดสินใจวางจำหน่าย

“ผมมีเว็บไซต์ของบริษัทอยู่แล้ว และก่อนหน้าออกแบบและผลิตสายหัดเดินเด็ก โพสต์ลงเว็บเพื่อจำหน่ายไปก่อนหน้าแล้ว จึงนำเข็มขัดรัดกันตกรถจักรยานยนต์จำหน่ายด้วย โดยสายหัดเดินเด็กจำหน่ายในราคา 370 บาทต่อชิ้น ส่วนเข็มขัดรัดกันตกรถจักรยานยนต์ จำหน่ายที่ราคา 1,150 บาท”

ergro safe, เข็มขัดรัดกันตกรถจักรยานยนต์
ขายไอเดีย หนึ่งเดียวในไทย 6 เดือน 300 ชิ้น

คุณพิพัชร ให้ข้อมูลว่า ในจำนวนผู้สนใจสอบถามเข้ามา 100 คน จะสั่งซื้อเพียง 60 คน โดยเหตุผลหนึ่งที่ทราบจากลูกค้าว่าตัดสินใจไม่ซื้อ หรือชะลอการซื้อออกไปก่อน เพราะราคาสินค้าแพง แต่ผมเห็นว่า หากนำไปเปรียบเทียบกับความเสี่ยงที่ลดลงกับความปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้น น่าจะคุ้มค่ากว่า อีกทั้งเข็มขัดรัดลักษณะนี้หายาก หากซื้อจากต่างประเทศก็ราคาแพงกว่าด้วย”

สำหรับการผลิต คุณพิพัชร มีพนักงานเพียงไม่กี่คนที่มีความสามารถด้านการใช้จักรเย็บผ้า เพราะการผลิตต้องใช้จักรเย็บผ้าเป็นเครื่องมือหลัก โดยจะผลิตเป็นสต๊อคไว้ไม่มากนัก แต่เมื่อมีลูกค้าต้องการสั่งจะสามารถส่งสินค้าได้ทันที ซึ่งที่ผ่านมาหลังลงจำหน่ายทางเว็บไซต์เพียง 6 เดือน มีลูกค้าสั่งซื้อไปแล้วกว่า 300 ชิ้น

ส่วนผลกำไรจากผลิตภัณฑ์ คุณพิพัชร ยอมรับว่า ได้กำไรจากการจำหน่ายถึง 45 เปอร์เซ็นต์ แต่หากจะให้ลดราคาลงกว่านี้ คงไม่สามารถทำได้ เพราะทุกอย่างต้องมีต้นทุน โดยเฉพาะวัตถุดิบที่นำมาผลิตและคัดเลือกคุณภาพอย่างดี

ปัจจุบัน คุณพิพัชรพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ดีขึ้น โดยใช้ฟองน้ำบุด้านในของเข็มขัดทั้งหมด จากเดิมที่บุเฉพาะด้าน เพิ่มที่เก็บสายรัดด้านหน้า เพื่อสะดวกในการใช้งาน และนำแถบสะท้อนแสงมาติดด้านหลัง เพิ่มความชัดเจนในการมองเห็นสำหรับผู้ขับขี่รถบนถนนด้วยกัน

สิ่งที่ยังเป็นข้อด้อย คือ การตลาดที่คุณพิพัชรยังประสบปัญหา เพราะผู้ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในเด็กที่โดยสารรถจักรยานยนต์ยังมี น้อย แม้ว่าจะมีหมวกกันน็อคสำหรับเด็กผลิตออกมาจำหน่าย แต่ยังมีจำนวนน้อยที่ซื้อมาใส่ ทั้งที่ราคาถูกกว่าเข็มขัดรัดกันตกรถจักรยานยนต์ ทำให้คุณพิพัชรมองการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากกว่าการสร้างรายได้จาก สินค้า โดยพยายามเข้าร่วมรณรงค์กับหน่วยงานที่ดูแลความปลอดภัยด้านการขับขี่รถ เพื่อให้ประชาชนรู้ถึงประโยชน์ของอุปกรณ์ดังกล่าวมากขึ้น

ถึงขณะนี้ คุณพิพัชรยังไม่มีหน้าร้าน และไม่คิดเปิดหน้าร้าน เพราะเป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิต จึงเลือกวิธีขายผ่านเว็บไซต์เพียงอย่างเดียว หากสนใจสอบถามนวัตกรรมฝีมือคนไทยได้ที่ โทรศัพท์(086) 947-9997 เจ้าของผลิตภัณฑ์ยินดีให้ข้อมูล

คู่มือผลิตภัณฑ์
ชื่อผลิตภัณฑ์ เข็มขัดรัดกันตกรถจักรยานยนต์
ประเภทผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ลดความเสี่ยงจากการพลัดตกรถจักรยานยนต์

วิธีการใช้ ใช้เป็นเข็มขัดรัดกันตกสำหรับผู้นั่งซ้อนรถจักรยานยนต์ รถจักรยาน รถ ATV ขี่ม้า
ประโยชน์ 1. ลดความเสี่ยงจากการพลัดตกหล่นของผู้นั่งซ้อนรถจักรยานยนต์ รถจักรยาน รถ ATV ขี่ม้า
2. สร้างสมดุลให้กับผู้ขับขี่ในการควบคุมรถในขณะที่มีผู้โดยสารนั่งซ้อน ผู้ขับขี่มั่นใจมากขึ้น
3. เป็นสายรัดเพิ่มความปลอดภัย ทำให้ผู้ขับขี่ตระหนักถึงความปลอดภัยเมื่อมีผู้นั่งซ้อน

คู่มือวิธีและขั้นตอนการใช้
วิธีการใช้
1. เข็มขัดรัดด้านหน้าเป็นแผ่นซับแรง สำหรับรัดหน้าท้องผู้ขับขี่หรือรัดผู้นั่งซ้อนด้านหน้า
2. เข็มขัดรัดด้านหลังเป็นพนักพิง สำหรับรัดด้านหลังผู้นั่งซ้อนท้าย
3. ตัวล็อคเข็มขัด สำหรับล็อคเข็มขัดด้านหน้าและด้านหลัง มี 2 ด้าน ซ้าย-ขวา
4. ตัวปรับระยะสายด้านหน้า มี 2 ด้าน ซ้าย-ขวา
5. ตัวปรับระยะสายด้านหลัง มี 2 ด้าน ซ้าย-ขวา

ขั้นตอนการใช้
1. ปรับระยะสายด้านหน้า (4) ให้มีขนาดเหมาะกับการรัดรอบระหว่างผู้ขับขี่และผู้นั่งซ้อน ในกรณีที่ระยะสายด้านหน้ายังไม่ได้ขนาด ให้ปรับระยะสายด้านหลัง (5) ให้มีขนาดเหมาะสมในการนั่งซ้อน
**หมายเหตุ ในการปรับสายทั้งด้านหน้าและด้านหลังต้องให้ระยะสายด้านซ้ายและด้านขวามีระยะเท่ากัน เพื่อความสมดุลในขณะใช้งาน
2. ปลดตัวล็อค (3) ออกข้างใดข้างหนึ่ง แล้วรัดรอบตัวผู้ขับขี่และผู้นั่งซ้อนในระดับเอว จากนั้นล็อคตัวล็อคกลับที่ตำแหน่งเดิม
3. ดึงสายด้านหน้าทั้ง 2 ข้างในระยะเท่ากันให้พอกระชับไม่แน่นหรือหลวมเกินไป
4. ตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนสตาร์ตและออกรถ
คำเตือน
1. เข็มขัดรัดกันตกรถจักรยานยนต์ เป็นอุปกรณ์ลดความเสี่ยงสำหรับผู้นั่งซ้อนรถจักรยานยนต์เท่านั้น ไม่ได้เป็นอุปกรณ์ป้องกันอุบัติเหตุอันเกิดจากการขับขี่โดยประมาท
2. ห้ามยึดติดอุปกรณ์ส่วนใดๆ ของเข็มขัดรัดกันตกรถจักรยานยนต์นี้กับชิ้นส่วน หรืออุปกรณ์ใดๆ ของตัวรถ
3. เพื่อความไม่ประมาท ควรตรวจเช็คอุปกรณ์เข็มขัดรัดกันตกรถจักรยานยนต์เป็นประจำก่อนการใช้งาน
4. ไม่ควรนำเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ โดยสารรถจักรยานยนต์
5. เด็กอายุ 2-6 ขวบ หรือมากกว่าขึ้นไป ควรสวมหมวกนิรภัยและอุปกรณ์เสริมความปลอดภัย รัดกันตกทุกครั้งที่นั่งซ้อนรถจักรยานยนต์

ข้อมูลจำเพาะ
กิจการ ผลิตและจำหน่ายเข็มขัดรัดกันตกรถจักรยานยนต์
เจ้าของกิจการ คุณพิพัชร โชพิมาย
สถานที่ตั้ง บริษัท พี พลัส คอร์ปอเรชั่นไวด์ จำกัด
เลขที่ 3/376 หมู่ 11 ถนนลาดพร้าววังหิน แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ
วัตถุดิบ ผ้ากันน้ำ หนัง สายไนล่อน (สายเข็มขัดนิรภัย) ตัวล็อค ฟองน้ำ และ แถบสะท้อนแสง
รูปแบบการขาย ขายส่งและปลีก
สินค้า เข็มขัดรัดกันตกรถจักรยานยนต์ และสายหัดเดินเด็ก
กำไร 45 เปอร์เซ็นต์ต่อชิ้น
จุดเด่นของสินค้า จดอนุสิทธิบัตร และผลิตเพียงผู้เดียวในประเทศไทย
โทรศัพท์ (086) 947-9997
เว็บไซต์ www.praery.com และ www.ergrosafe.com
สุจิต เมืองสุข
เส้นทางเศรษฐี www.matichon.co.th
วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 16 ฉบับที่ 269

-------------------------------------------------------------------------------------------------

Read More...


ซองโน๊ตบุ๊ก อีกไอเดียโครเชต์ทำเงิน

อาชีพด้านงานประดิษฐ์หรืองานฝีมือนั้น นอกจากต้องพัฒนาเทคนิคและคุณภาพสินค้าอยู่ตลอดแล้ว การมองหาตลาด-มองหาโอกาสกับลูกค้าใหม่ ๆ ก็เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าหากมองเห็น-วิเคราะห์เป็น โอกาสที่จะขายสินค้าได้ก็มีมากขึ้น ตัวอย่างเช่นงานไอเดียที่ต่อยอดจากงานถักโครเชต์จนเป็น ’ซองใส่โน้ตบุ๊ก” เป็นอีกหนึ่ง ’ช่องทางทำกิน”


ซองโน๊ตบุ๊ก

“นัฐกาญจน์ ซื่อตรง” เจ้าของงานไอเดีย เล่าว่า สนใจงานที่เกี่ยวกับการถักโครเชต์มา นาน อาศัยใช้เวลาว่างฝึกหัดและหยิบจับทำมาตั้งแต่เด็ก โดยได้ความรู้จากคนในครอบครัว แต่ก็ทำเป็นเพียงงานอดิเรกและทำขึ้นเพื่อไว้สำหรับแจกจ่ายหรือมอบเป็นของ ขวัญของที่ระลึกให้คนรู้จักและเพื่อนฝูงเท่านั้น ต่อมามีเพื่อนและคนรู้จักมาติดต่อเพื่อขอให้ทำชิ้นงานขึ้น จึงมองว่าถ้าจะนำความรู้ความชำนาญตรงนี้มาต่อยอดผลิตขึ้นเป็นสินค้าก็น่าจะ สร้างรายได้เสริมได้ จึงผลิตงานเพิ่ม และประกาศจำหน่ายผ่านทางเว็บไซต์ http://icer.weloveshopping.com ของตัวเอง ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้า โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสั่งทำชิ้นงานเป็นพิเศษ

“แรก ๆ จะประดิษฐ์เป็นตุ๊กตาการ์ตูน ต่อมามองว่าน่าจะดัดแปลงปรับให้สินค้านำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ จึงเริ่มทำสินค้าที่เป็นประเภทของใช้ ทั้งยังนำไปประดับตกแต่งได้เพิ่ม อาทิ ที่รองแก้ว ที่รองจาน ผ้าปูโต๊ะ และซองสำหรับใส่คอมพิวเตอร์พกพา หรือโน้ตบุ๊ก รวมถึงซองสำหรับใส่อุปกรณ์กระจุกกระจิกเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์” เจ้าของชิ้นงานกล่าว

ซองโน๊ตบุ๊ก-โครเชต์
ซองใส่ iPad

สำหรับซองใส่คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กนี้ เจ้าของชิ้นงานระบุว่า ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี โดยเฉพาะกับกลุ่มลูกค้าผู้หญิง เพราะแปลกใหม่ และมีรูปแบบที่ออกแนวน่ารัก ไม่เหมือนกับซองที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ที่มีขายอยู่ตามท้องตลาด นอกจากนี้ลูกค้าส่วนใหญ่จะนิยมสั่งทำสินค้า โดยเน้นที่ “ปักชื่อ” หรือ “สัญลักษณ์” ตามคำสั่งซื้อของลูกค้า ซึ่งเป็นจุดขายที่แตกต่างออกไปจากซองใส่คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กในตลาด โดยลูกค้าสามารถเลือกแบบ-เลือกสีได้ตามต้องการ

หลายคนอาจจะมองว่าสินค้างานถักโครเชต์ ตลาดแคบ และเป็นสินค้าไม่ทันสมัย เรื่องนี้นัฐกาญจน์ยืนยันว่าตลาดยังสามารถเติบโตต่อไปได้เรื่อย ๆ โดยสินค้าของเธอจะขายดีเป็นพิเศษในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น เทศกาลปีใหม่, เทศกาลวาเลนไทน์ ส่วนที่หลายคนมองว่างานถักโครเชต์ค่อน ข้างเชยนั้น เธอกล่าวว่าขึ้นอยู่กับไอเดียการออกแบบ และการเลือกใช้วัสดุมากกว่า เพราะถ้าออกแบบและเลือกใช้สีได้ดี เหมาะกับรสนิยมและความต้องการของลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงมีการพัฒนาต่อยอดสินค้าให้หลากหลาย ก็สามารถที่จะเติบโตต่อไปได้เรื่อย ๆ อย่างแน่นอน





และนอกจากเราจะพยายามผลิตให้สินค้ามีหลากหลายชนิดแล้ว ในเรื่องของลาย หรือแพตเทิร์น ก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบไปตลอด เพื่อไม่ให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกจำเจ อย่างล่าสุดที่กำลังจะต่อ ยอดจากซองใส่คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเพิ่มก็คือ ซองใส่ไอแพด ซึ่งก็เป็นการปรับเปลี่ยนตามสภาพความต้องการของตลาด

ซองโน๊ตบุ๊ก-โครเชต์
ซองโน๊ตบุ๊ก

ทุนเบื้องต้นอาชีพ ใช้เงินลงทุนประมาณ 500 บาทขึ้นไป ส่วนทุนวัตถุดิบอยู่ที่ประมาณ 20% ของราคาขาย ที่ขึ้นกับขนาดและแบบของซองใส่คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก เริ่มที่ราคา 200-300 บาทต่อชิ้น ขณะที่วัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ ประกอบด้วย เข็มสำหรับถักไหมพรม (เข็มถักโครเชต์), ไหมพรมชนิดต่าง ๆ, กรรไกร และอุปกรณ์ตกแต่งชิ้นงานตามชอบ

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากออกแบบลวดลายที่ต้องการจะถัก รวมถึงการกะขนาดของชิ้นงานที่จะถักตามความต้องการ จากนั้นเริ่มทำการจับด้ายหรือเริ่มขึ้นชิ้นงาน โดยยกมือซ้าย หันด้านฝ่ามือเข้าตัวเอง จับด้ายมาเกี่ยวกับนิ้ว จากนั้นนำด้ายที่อยู่ทางด้านกลุ่มด้ายมาพันหนึ่งรอบที่นิ้วก้อย ใช้นิ้วโป้งและนิ้วกลางจับด้าย จากนั้นก็ทำตามขั้นตอนไปเรื่อย ๆ จนครบเต็มพื้นที่ของชิ้นงานที่ต้องการ แล้วทำการตกแต่งด้วยวัสดุตกแต่งที่ต้องการ อาทิ ริบบิ้น, ลูกปัด, กระดุมเม็ดต่าง ๆ เพื่อทำให้สินค้าดูน่าสนใจและมีรายละเอียด หรือมีลูกเล่นมากขึ้น

ขอบคุณภาพจาก www.icer.weloveshopping.com
www.dailynews.co.th

-------------------------------------------------------------------------------------------------



Read More...


ตุ๊กตาพวงกุญแจ’ ไอเดียปะติดผ้าทำเงิน

d_c2_1.jpg 


“ควิลท์” เป็นงานฝีมือที่ใช้เทคนิคการนำผ้าที่มีลวดลายสวยงามมาต่อกันเป็นชิ้นงานต่าง ๆ เป็นงานฝีมือที่ทำไม่ยาก ถ้ามีไอเดีย  เก๋ ๆ ก็สามารถทำเป็นชิ้นงานขายสร้างรายได้อย่างน่าสนใจ อย่างเช่นการนำเทคนิคงานควิลท์มาใส่ไอเดียทำเป็น “ตุ๊กตาครอบพวงกุญแจ” ที่ทีม “ช่องทางทำกิน” จะนำเสนอวันนี้...

ออย-รัตนาภรณ์ วรรณวัลย์ เป็นเจ้าของผลงาน   “ตุ๊กตาครอบพวงกุญแจ” ที่ใช้ฝีมือการปะติดผ้ามาออกแบบทำเป็นที่ครอบพวงกุญแจ โดยเจ้าตัวเล่าว่า ปกติจะทำงานประจำอยู่ที่บริษัทเอกชน สำหรับงานฝีมือชิ้นนี้ทำออกมาจำหน่ายเพื่อเป็นรายได้เสริม โดยจะใช้เวลาวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ผลิตงานออกมาจำหน่าย

งานตุ๊กตาครอบพวงกุญแจที่ทำเริ่มมาจากการที่ตนเองนั้นเป็นคนที่ชอบทำงาน ฝีมือ งานประดิษฐ์ต่าง ๆ พอได้เจอพี่ที่ทำงานเดียวกันทำงานควิลท์หรืองานปะติดผ้า ก็เลยเกิดความสนใจอยากทดลองทำ จึงได้ไปศึกษาวิธีทำในอินเทอร์เน็ต แล้วก็นำมาทดลองทำอยู่ประมาณ 2-3 เดือน จนชำนาญมากขึ้น จากนั้นก็เริ่มคิดออกแบบทำเป็นชิ้นงานของตัวเอง โดยทำเป็นที่ครอบพวงกุญแจ รูปตุ๊กตาแมว และ บ้านเห็ด

เน้นสีสันที่สดใส เน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น





แรกเริ่มทำเป็นของขวัญแจกให้เพื่อน ๆ จากนั้นก็เริ่มทดลองทำขาย ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จึงยึดเป็นอาชีพเสริมมาตลอด โดยทำขายเป็นอาชีพเสริมแบบไม่มีหน้าร้าน จะประกาศขายผ่านทางอินเทอร์เน็ต

“งานฝีมือตัวนี้ถือว่าเป็นงานที่ทำไม่ยาก สามารถศึกษาและฝึกทำได้ด้วยตัวเอง ซึ่งในช่วงทดลองทำนั้นเราควรใช้เศษผ้า ใช้วัสดุที่มีราคาไม่แพง ลองทำให้ชำนาญก่อน” รัตนา ภรณ์ แนะนำ

สำหรับวัสดุที่จำเป็นต้องใช้ในการทำนั้น มีดังนี้...ผ้าคอตตอนไทยหรือผ้าญี่ปุ่น, ผ้าซับใน (ใช้เป็นสีพื้น หรือเป็นลายก็ได้ แต่ต้องสีอ่อน ๆ), ใยสังเคราะห์แบบแผ่นบาง, ผ้าดิบ, ห่วงกุญแจ, เชือกหนัง, ไหมปัก และของตกแต่งจำพวกโบ ดอกไม้ ลูกปัด เป็นต้น

ผ้าคอตตอนไทยนั้นจะมีสีสันที่สดใส และมีราคาถูกกว่าผ้าญี่ปุ่น แต่ผ้าญี่ปุ่นจะมีเนื้อผ้านุ่มกว่าผ้าคอตตอนไทย การซื้อผ้ามาทำนั้นควรซื้อ  ให้ได้หลากหลายลาย อย่างน้อยควรจะมีประมาณ 5 ลาย

ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ทำ ก็จะเป็นอุปกรณ์ตัดเย็บทั่ว ๆ ไป พวกเข็ม, ด้าย, กรรไกร และอุปกรณ์สำหรับทำแพตเทิร์น ได้แก่ กระดาษแข็ง หรือแผ่นพลาสติก, ดินสอ เป็นต้น

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากการทำแพต เทิร์นก่อน ถ้าทำรูปแมวก็วาดแบบรูปหน้าแมวลงบนกระดาษแข็ง จากนั้นก็ตัดแบบออกมา ก็จะได้แพตเทิร์น นำผ้าซับใน ผ้าคอตตอนลายที่ต้องการ และใยสังเคราะห์ มาทำการวางซ้อนทับกัน โดยวางใยสังเคราะห์ ไว้ด้านล่างสุด ผ้าคอตตอนไว้ตรงกลาง ผ้าซับในไว้ด้านบนสุด

นำแพตเทิร์นไปวางทาบลงบนผ้าซับใน ใช้ดินสอวาดตามแบบ ใช้กรรไกรตัดผ้าตามแบบ ให้ตัดห่างจากรอยดินสอประมาณ 0.7 ซม. เมื่อตัดผ้าเรียบร้อยให้ใช้เข็มหมุดกลัดไว้ตรงกลางผ้าที่ตัดออกมา เพื่อไม่ให้ผ้าที่ซ้อนกันเลื่อน จากนั้นใช้เข็มและด้ายเย็บตามรอยดินสอ จะใช้วิธีเย็บแบบด้นถอยหลังหรือเย็บแบบเนาถี่ ๆ ก็ได้

ทำการเย็บไปโดยรอบ เว้นช่องไว้กลับผ้าประมาณ 4 ซม. เมื่อเย็บเสร็จก็ทำการกลับด้านออกมา แล้วทำการสอยปิดช่องที่กลับผ้าให้เรียบร้อย ทำแบบเดิมอีก 1 ชิ้น ก็จะได้เป็น 2 ชิ้น
d_c2_2.jpg
ขั้นต่อไปนำผ้าดิบสีครีมมาตัดสำหรับทำปากแมว เวลาตัดให้เว้นขอบไว้พับประมาณ 0.5 ซม. นำไปติดบนหน้าแมวที่ทำไว้ ทำการเย็บแบบสอยซ้อนด้ายยึดให้แน่น ใช้ไหมปักเป็นหนวด จมูก ติดลูกปัดเป็นตา ตกแต่งด้วยโบตามต้องการ ก็จะได้หน้าแมวเป็นชิ้นหน้า
 


จากนั้นก็นำแบบที่ทำขึ้นมาอีก 1 ชิ้น มาประกบกับชิ้นหน้า แล้วทำการสอยซ้อนด้ายให้รอบ โดยเว้นด้านล่างไว้สำหรับเก็บพวงกุญแจ และเว้นด้านบนไว้สำหรับใส่เชือกที่ผูกกับห่วงกุญแจ เมื่อเย็บเรียบร้อยแล้วก็นำเชือกหนังที่ผูกติดกับห่วงกุญแจทำการร้อยเข้าไป ในช่องที่เว้นไว้ด้านบน โดยให้ห่วงกุญแจอยู่ด้านใน จากนั้นก็ทำตุ้มกลมติดที่ปลายเชือก กันไม่ให้เชือกหลุด

การทำตุ้มติดปลายเชือก ตัดผ้าเป็นวงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 ซม. พับริมเข้า 0.5 ซม. เย็บเนาถี่จนรอบ รูดปากพอประมาณ ใส่ใยสังเคราะห์แบบฟู นำไปเย็บติดที่ปลายเชือก ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอน

ตุ๊กตาครอบพวงกุญแจของรัตนาภรณ์นั้นมีอยู่ 3 แบบคือ รูปบ้านเห็ด รูปแมว และรูปหน้าแมว โดยราคาขายอยู่ที่ชิ้นละ 79 บาท มีต้นทุนวัสดุต่อชิ้นประมาณ 50% ของราคาขาย
ถถถถถ

ใครสนใจ “ตุ๊กตาครอบพวงกุญแจ” ของออย-รัตนาภรณ์ วรรณวัลย์ ต้องการติดต่อกับเจ้าของผลงาน ต้องการสั่งไปจำหน่ายต่อ โทรศัพท์ไปสอบถามได้ที่เบอร์ 08-7685-8371.   



-------------------------------------------------------------------------------------------------

Read More...


ไอเดียขายของจาก เซเว่น อีเลฟเว่น

ไอเดียขายของจาก เซเว่น อีเลฟเว่น : Ideas from the sale of Seven Eleven

















หาไอเดียการขายของใกล้ตัวมากๆ ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นก็คือ แคตตาล็อคจาก เซเว่น อีเลฟเว่นนั่นเอง หลายคนอาจจะงงว่า จะขายของกับ Amazon ทำไมต้องไปดูแคตตาล็อคของเซเว่นด้วยล่ะ นั่นสิครับ บทนี้เป็นการหาไอเดียการขายของนั่นเองครับ ถ้าเริ่มแรกเราไม่รู้อะไรเลยว่าจะขายอะไรดีกับ Amazon ผมแนะนำให้กลับไปดูของใกล้ตัวเรานั่นเอง เพราะสิ่งที่ขายอยู่ในแคตตาล็อคเซเว่นนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นของใช้ในชีวิตประจำซะเยอะ แล้้วก็ถ้าเขาขายไม่ได้จะมาลงโฆษณาทำไมล่ะหึ ? ของบางอย่างเราอาจจะไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่ามันมีขาย พอเข้าไปดูในแคตตาล็อคแล้วคุณจะพบว่า มีสิ่งของที่น่าขายอีกเยอะแยะมากมายให้เลือก แล้วหลังจากนั้้น ก็นำสินค้าที่ได้มาลองเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษดู แล้วไปทำการค้นคว้า ค้านหา ว่า ใน Amazon มีสิ่งนั้นขายหรือไม่ มีคนค้นหาหรือไม่




บางทีคุณอาจจะเจอ Keyword ทองคำจากแคตตาล็อคเซเว่นก็เป็นไปได้ เพราะอย่าลืมว่า ยังมี Keyword รอคุณอยู่อีกเป็นล้านคำ ความต้องการในโลกออนไลน์มันเยอะกว่าโลกภายนอกมาก เพราะนับวันคนจะยิ่งเล่นอินเตอร์เน็ตเยอะขึ้น และออกจากบ้านน้อยลง เขารอคุณให้ทำสินค้าขายอยู่นั่นเอง จัดไปให้หนักกับไอเดียการขายของจาก แคตตาล็อค เซเว่น อีเลฟเว่น

credit : http://www.asuradech.com/
-------------------------------------------------------------------------------------------------


Read More...


ไอเดียจัดกระเช้าปีใหม่ สไตล์นักธุรกิจอินเตอร์











http://www.thairath.co.th/content/life/130489
-------------------------------------------------------------------------------------------------

Read More...


ตกแต่งรถแต่งงาน อาชีพแปลกแบบนี้ก็เงินงาม



ปรารถนา พินิจสารภิรมย์ เจ้าของงานบริการที่ต่อยอดจากอาชีพเดิมอย่างการรับผลิตริบบิ้นและโบว์ผูกของ ขวัญ เล่าว่า เดิมทีเป็นพนักงานบริษัทต่อมารู้สึกเบื่อจึงมองหาช่องทางในการทำอาชีพอิสระ คิดได้ว่าตนเองมีวัตถุดิบเช่นโบว์และริบบิ้นอยู่เป็นจำนวนมาก จึงลองประดิษฐ์ชิ้นงานและทดลองจำหน่ายทางอินเทอร์เน็ต ประกาศขายสินค้าตามฟรีเว็บไซต์ต่าง ๆ ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดี

ส่วนอาชีพบริการ “แต่งรถแต่งงาน” ให้คู่บ่าวสาวนั้น ปรารถนาบอกว่า รับทำตรงนี้มาได้ประมาณ 1 ปีเศษ โดยได้แรงบันดาลใจจากการที่มีลูกค้ารายหนึ่งโทรฯเข้ามาสั่งสินค้า โดยเน้นว่าอยากได้ชิ้นงานที่มีรูปแบบไม่เหมือนใคร และอยากให้เป็นรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อที่จะนำไปเป็นของที่ระลึกและของ ขวัญสำหรับใช้ในงานแต่งงาน เมื่อส่งชิ้นงานที่ทำเสร็จให้กับลูกค้า ปรากฏว่าลูกค้าชอบมาก จึงมองว่าน่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสร้างรายได้ โดยสามารถใช้วัสดุและวัตถุดิบที่มีอยู่มาต่อยอด จึงรับบริการตกแต่งรถคู่แต่งงานเรื่อยมา

“ลูกค้าชอบใจมาก จึงคิดว่าน่าจะแตกไลน์ให้กับสินค้าได้ อีกทั้งปัจจุบันยังไม่ค่อยพบว่าในตลาดมีงานบริการด้านนี้ จึงตัดสินใจให้บริการรับออกแบบและประดิษฐ์โบว์ริบบิ้นหรือผ้าผูกรถสำหรับคู่ แต่งงาน ลูกค้าหลายคนก็งง ๆ ว่ามีอาชีพแบบนี้ด้วยหรือ”ปรารถนาไม่มีหน้าร้าน แต่อาศัยการขายสินค้าและบริการผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต ที่ http://www.jjmalls.com/9060 ซึ่งเป็นการลงทุนที่ไม่มาก แต่ก็ต้องมีเทคนิคในการเข้าถึงลูกค้าเช่นกัน โดยปรารถนาบอกว่า “คำขึ้นต้น” สำหรับให้ลูกค้า “ค้นหา” ในอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องสำคัญ ผู้ประกอบการจำเป็นที่จะต้องหาคำที่คาดว่าลูกค้ามักจะใช้ในการค้นหา เป็นชื่อสำหรับสินค้าหรือบริการให้ชัดเจน เพราะจะเป็นการทำให้ลูกค้ามีโอกาสเสิร์ชหรือค้นหาเข้ามาถึงสินค้าและบริการ ของเราได้ง่ายขึ้น

สำหรับรูปแบบของชิ้นงาน มีตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่ขึ้นกับแบบและความต้องการของลูกค้า รูปแบบอาจไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก แต่จะแตกต่างกันในเรื่องของรายละเอียดและวัสดุที่ใช้งานมากกว่า ทำให้ปรารถนาบอกว่า งานบริการด้านนี้กล้าพูดได้เลยว่าไม่มีทางตัน เพราะส่วนใหญ่จะออกแบบตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งจะไม่ค่อยซ้ำ เพราะลูกค้าก็ต้องการชิ้นงานที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง




เป็นชิ้นงานที่สื่อความหมายได้เฉพาะตัว

เจ้า ของไอเดียกล่าวต่อไปว่า แม้จะเป็นงานที่ดูทำไม่ยาก แต่ก็มีเรื่องที่ต้องคำนึงถึงและเป็นหลักสำคัญในการบริการและผลิตงานให้ ลูกค้า กล่าวคือ ชิ้นงานที่ตกแต่งต้องแน่นหนา ต้องอยู่ในสภาพแข็งแรงพร้อมใช้งาน ไม่หลุด หรือเสียหายเมื่อลูกค้านำไปใช้ เพราะเป็นงานมงคลและมีความเชื่อผสมอยู่ ถ้าชิ้นงานไม่แข็งแรงคงทน ก็จะมีผลต่อความรู้สึกของลูกค้า นอกจากนี้ ชิ้นงานก็ต้องเลือกใช้วัสดุที่จะไม่ไปทำอันตรายหรือไปสร้างความเสียหายให้ กับตัวรถด้วย เพราะชิ้นงานส่วนใหญ่จะต้องติดหรือผูกกับรถของลูกค้าตลอดเวลา

ทุน เบื้องต้นอาชีพนี้ ใช้ประมาณ 3,000 บาทขึ้นไป ส่วนทุนวัตถุดิบอยู่ที่ประมาณ 40% จากราคาขายหรือบริการ ซึ่งราคาก็เริ่มตั้งแต่ 500 บาท ไปจนถึง 4,000 บาท ขึ้นกับรูปแบบ ขนาด และวัสดุที่ใช้

อุปกรณ์ในการทำ เจ้าของงานงานบอกว่า มีน้อยชิ้นมาก อาทิ ปืนยิงกาวร้อนหรือกาวซิลิโคน, กรรไกร, คัทเตอร์, เข็มสำหรับเย็บผ้า ส่วนวัสดุในการทำประกอบด้วย ดอกไม้ผ้าชนิดต่าง ๆ, โบว์, ริบบิ้น, ตุ๊กตาสำหรับตกแต่ง (ใช้แทนสัญลักษณ์คู่แต่งงาน), โฟม, ผ้าลูกไม้ 2 ชนิด คือ ผ้าแพร และผ้าไหมแก้ว
ขั้นตอนการทำ หลังรับทราบความต้องการของลูกค้าก็มากำหนดรูปแบบ โดยส่วนใหญ่ถ้าไม่เป็นช่อดอกไม้ก็มักจะเป็นรูปหัวใจ เมื่อกำหนดรูปแบบได้แล้วก็เริ่มจากการนำตุ๊กตาที่ใช้เป็นสัญลักษณ์คู่แต่ง งานมาตกแต่งให้เข้ากับแนวคิดของลูกค้า หลังจากนั้นก็ทำการประดิษฐ์ช่อดอกไม้หรือรูปหัวใจโดยการนำดอกไม้ผ้ามายึดติด เข้ากับโฟมด้วยปืนยิงกาวร้อน เสร็จแล้วก็นำตุ๊กตาคู่รักประกอบลงไป จากนั้นนำโบว์หรือริบบิ้นมายึดติดเข้ากัน นำไปผูกหรือตกแต่รอบตัวรถที่จะใช้ในพิธีแต่งงาน เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำ

“ลูกค้า มีทั้งที่ให้เราออกไปตกแต่งนอกสถานที่ และสั่งซื้อเข้ามาโดยให้เราจัดส่งไปในรูปของพัสดุ โดยลูกค้านำไปประกอบเอง” เจ้าของอาชีพบริการตกแต่งรถแต่งงานกล่าว

สนใจติดต่อปรารถนา ติดต่อที่บ้านทองจำรัส โทร.08-8493-8155, 08-9488-2951, 08-3781-1927 หรือที่ http://www.jjmalls.com/9060 และที่อีเมล์ miracle2551@gmail.com ซึ่งนี่ก็เป็นอีกอาชีพแปลก แต่เงินงาม โดยเมืองไทยยังทำอาชีพทำนองนี้ได้อีกหลากหลาย แล้วแต่ใครจะมีไอเดีย.

ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ : รายงาน








ที่มา...http://www.dailynews.co.th
-------------------------------------------------------------------------------------------------


Read More...


ตุ๊กแกอบแห้ง อาชีพแปลกสร้างรายได้ร่วม 10 ล้าน!!





ชาวบ้านตาล จ.นครพนม ยึดอาชีพสุดแปลกมานานกว่า 20 ปี ทำตุ๊กแกอบแห้ง ส่งออกทำเงิน ช่วงเศรษฐกิจซบเซา และภาวะภัยแล้ง สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชนเดือนละกว่า 10 ล้านบาท

(6 ก.ค.)   ชาวบ้านตาล ต.นาหว้า อ.นาหว้า จ.นครพนม มีอาชีพสุดแปลกที่ยึดทำมานานกว่า 20 ปี นั่นคือ การทำตุ๊กแก ไส้เดือน และปลิง ตากแห้ง ส่งออกขายต่างประเทศหมุนเวียนตามฤดูกาล จนทำให้มีเงินเดือนหมุนเวียนเดือนละกว่า 10 ล้านบาท จึงกลายเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน

ด้าน นายปราณีต นางทราช อายุ 50 ปี ชาวบ้านตาล ที่ยึดอาชีพทำตุ๊กแกตากแห้งส่งออก กล่าวว่า อาชีพแปลกดัง กล่าว เริ่มมานานกว่า 20 ปี แล้ว ถือว่าเป็นอาชีพที่สร้างงาน สร้างรายได้ ไม่ว่าจะสภาพเศรษฐกิจจะซบเซา หรือเกิดปัญหาจากสภาพแวดล้อมภัยแล้ง แต่ไม่มีผลกระทบ ชาวบ้านยังมีรายได้หลักจากอาชีพแปลกเป็นปกติ

นายปราณีต กล่าว ต่อว่า ช่วงนี้ก็จะเป็นตุ๊กแกตากแห้ง ซึ่งจะทำหมุนเวียนไปตามฤดูกาล และทุกคนจะมีรายได้ ตั้งแต่คนที่ออกไปจับมาขายตัวละประมาณ 10 - 25 บาท ตามขนาด ต่อมาก็คนทำชำแหละแปรรูปตามแบบมาตรฐาน แล้วนำไปตากแห้งหรืออบ ก่อนแพ็คนำส่งขายให้พ่อค้าส่งออกไป จีน ไต้หวัน นำไปปรุงอาหาร เป็นยาชูกำลัง ในราคาตัวละประมาณ 30 บาท ตามขนาดมียอดส่งออกเดือนละหลายแสนตัว มีเงินสะพัดหมุนเวียนกว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน ถือเป็นอาชีพสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านเป็นอย่างดี ซึ่งตกครอบครัวละ 5,000 - 10,000 บาทต่อเดือน




"ส่วนปัญหตุ๊กแก จะสูญพันธุ์นั้นไม่มีอย่างแน่นอน เพราะในช่วงระยะเวลา 1 ปี จะมีช่วงพักประมาณเดือน ต.ค. - ม.ค. ช่วงตุ๊กแกผสมพันธุ์ออกไข่ หากเข้าสู่ช่วงฤดูฝนก็จะไปทำปลิงตากแห้งแทน" นายปราณีต กล่าว

นายปราณีต กล่าว ต่ออีกว่า ไม่มีปัญหาในเรื่องของกฎหมายแน่นอน เพราะตุ๊กแกที่ชาวบ้านจับมาเป็นตุ๊กแกตามบ้านเรือน ไม่ใช่ตุ๊กแกตามป่า จึงไม่ผิด ตาม พ.ร.บ.สัตว์ป่าหวงห้าม


ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก Sanook.com

-------------------------------------------------------------------------------------------------



Read More...


FAKE FRUIT ผลไม้ประดิษฐ์

FAKE FRUIT หรือ ผลไม้ประดิษฐ์ ที่ใช้แต่งบ้าน แต่งร้าน อย่างร้านอาหาร จะนำผลไม้และผักประดิษฐ์ไปตกแต่งตู้อาหาร แทนผักผลไม้สด ถือเป็นการย่นระยะเวลาการทำธุรกิจ และยังให้ความสวยตลอด เพราะไม่เน่าเสีย


เรื่อง ตลาดถือว่าเติบโตดีมาก หากไม่ประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ โดยเฉพาะช่วงเกิดกับประเทศสหรัฐอเมริกา จากยอดขายปีละ 15 ล้านบาท ตกฮวบเหลือ 8-9 ล้านบาท ตอนนั้นเริ่มคิดแล้วว่าจะทำอย่างไรดี เพราะเคยลองทำตลาดยุโรป ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ถึงคราวแล้วที่ต้องมองตลาดใกล้ตัว

ในช่วงภาวะเศรษฐกิจ ซวนเซ ส่งผลกระทบมาถึงผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกับผู้ที่มีตลาดจำหน่ายสินค้าไปยังต่างประเทศ ดูเหมือนจะได้รับแรงกระเทือนหนัก บางแห่งปิดตัวลง หรือไม่ก็กลายเป็นลูกหนี้ เพราะหยิบยืมเงินมากอบกู้ธุรกิจหลาย คนอาจถอยหลัง เพราะเล็งเห็นแล้วว่า ถ้าตลาดหลักไปไม่รอด ก็ไม่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ แต่หากคิดเช่น คุณฐิติวรรณ นันทนพิบูล หญิงสาววัย 46 ปี เจ้าของธุรกิจผลไม้และผักประดิษฐ์ ภายใต้ชื่อ FAKE FRUIT ที่จุดเริ่มต้นกับการทำธุรกิจของเธอ มุ่งตรงเพียงตลาดเดียวในประเทศสหรัฐอเมริกา มิหนำซ้ำการได้มาซึ่งยอดขายและรายรับ ยังต้องพึ่งพาบริษัทส่งออกเป็นผู้กระจายสินค้าป้อนใส่มือผู้บริโภคจวบจนสภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเกิดกับประเทศสหรัฐอเมริกา สั่นสะเทือน จากยอดขายปีละ 15 ล้านบาท ตกฮวบมาอยู่กับตัวเลขไม่ถึง 10 ล้านบาท
สัญญาณความไม่แน่นอนอุบัติขึ้น แต่หาใช่ปัญหาสุดทางแก้ไข คุณฐิติวรรณ เลือกเปิดตลาดมุมใหม่ เจาะเป้าหมายในประเทศอีกทางหนึ่ง และนี่คือวิถีทางออก

ช่วยทำดอกไม้ประดิษฐ์ เป็นเจ้าของธุรกิจอิสระ รายละเอียดเรื่องราวการก้าวสู่ธุรกิจเป็นเช่นไรนั้น คุณฐิติวรรณ กล่าวไว้ดังนี้ จริงแล้วตัวเองไม่คิดทำธุรกิจอิสระ แต่เพราะจังหวะมากกว่า หลังเรียนจบปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง พอดีว่าอาทำธุรกิจผลิตจำหน่ายดอกบัวประดิษฐ์อยู่ก่อนแล้ว จึงเข้าไปช่วย แต่ไม่นานนัก อาหยุดกิจการ ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่ายังมีอนาคต จึงนำความรู้และประสบการณ์ก้าวออกมาเปิดธุรกิจของตัวเองจากจุด เริ่มต้นกับช่องทางจัดจำหน่าย มุ่งส่งไปยังตลาดต่างประเทศ ส่งผลให้ต้องสู้รบกับผู้ผลิตมากหน้าหลายตา โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งมีข้อได้เปรียบตรงวัตถุดิบราคาต่ำ จึงสามารถผลิตสินค้าออกจำหน่ายได้ในราคาถูก



เริ่มต้นการทำธุรกิจ ไม่มีปัญหาอะไร เพราะคู่แข่งน้อยราย กระทั่งมาเจอประเทศจีน อันนี้ยอมรับว่าเหนื่อย ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ไหวแน่ จึงหาทางสร้างสินค้าใหม่ แต่ยังเอาใจตลาดต่างประเทศเหมือนเดิม ซึ่งก็คิดถึงผลไม้ประดิษฐ์ อันเนื่องจากเห็นความต้องการของลูกค้า

คุณฐิติวรรณใช้ระยะเวลาศึกษากระบวนการผลิตและวัตถุดิบด้วยตัวเอง กระทั่งทราบส่วนประกอบหลักว่า มี โฟม และแป้งกาว ซึ่งส่วนผสมของแป้งกาวนับว่าสำคัญมาก หากคุณภาพไม่ดี หมายถึงมาตรฐานสินค้าไม่ผ่านสู่กระบวนการส่งออก

ผู้ประกอบการคนขยัน ใช้เวลาคิดค้นสูตรแป้งกาว อยู่นานวัน กระทั่งลงตัว จึงเริ่มต้นผลิตผลไม้ชิ้นเล็กๆ สำหรับติดประดับต้นคริสต์มาส จวบจนต่อมาพัฒนาเพิ่มความหลากหลาย โดยผลิตสินค้าเลียนแบบผักและผลไม้อีกนับรายการไม่ถ้วน โดยแต่ละชนิดจะให้ความพิถีพิถันสมจริง

เริ่มต้นผลิตผลไม้ประดิษฐ์ชิ้นเล็กๆ ไว้ติดประดับต้นคริสต์มาส กระทั่งต่อมา ลูกค้าถามถึงผลไม้ประดิษฐ์อื่น เขาต้องการนำไปประดับตกแต่งบ้าน ตกแต่งร้าน จึงผลิตขึ้นมารองรับ แต่แรกๆ ยังคงเน้นผลไม้ที่ต่างประเทศคุ้นเคย อย่าง แอปเปิ้ล อะโวกาโด ส่วนวิธีจะให้สมจริงนั้น จำต้องซื้อผลไม้จริงมาเทียบ

สำหรับ ตลาดหลัก มุ่งส่งไปประเทศสหรัฐอเมริกา โดยขายผ่านบริษัทส่งออก เรื่องตลาดถือว่าเติบโตดีมาก หากไม่ประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ โดยเฉพาะช่วงเกิดกับประเทศสหรัฐอเมริกา จากยอดขายปีละ 15 ล้านบาท ตกฮวบเหลือ 8-9 ล้านบาท ตอนนั้นเริ่มคิดแล้วว่าจะทำอย่างไรดี เพราะเคยลองทำตลาดยุโรป ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ถึงคราวแล้วที่ต้องมองตลาดใกล้ตัว




คุณฐิติวรรณใช้เวลาเดินเที่ยว ชมตลาดนัดจตุจักร พร้อมทั้งมองหาทำเลเหมาะ กระทั่งได้ห้องค้าบริเวณโครงการ 8 ด้วยอัตราเช่าเดือนละ 20,000 บาท จากนั้นนำผลิตภัณฑ์จัดวาง ซึ่งผลตอบรับเกินคาดหมาย เพราะไม่เพียงได้ลูกค้าคนไทย แต่แถบประเทศโซนเอเชีย โดยเฉพาะ เวียดนาม และมาเลเซีย ให้ความสนใจซื้อทั้งปลีกและส่ง

ปี 2552 ทดลองตลาดในประเทศ กับการเปิดหน้าร้านเป็นของตนเองที่ตลาดนัดจตุจักร ผลตอบรับดีมาก ได้ลูกค้าหลากหลาย เฉพาะขายปลีกตกสัปดาห์ละ 20,000 บาท นอกจากนั้น ยังมียอดสั่งซื้อเพื่อนำไปขายต่อ ครั้งละประมาณ 20,000-30,000 บาท โดยประเทศให้ความสนใจแถบเอเชีย ซึ่งหันมานิยมแต่งบ้าน แต่งร้าน หรืออย่างคนไทยที่ประกอบธุรกิจร้านอาหาร จะนำผลไม้และผักประดิษฐ์ไปตกแต่งตู้อาหาร แทนผักผลไม้สด ถือเป็นการย่นระยะเวลาการทำธุรกิจ และยังให้ความสวยตลอด เพราะไม่เน่าเสีย

คุณฐิติวรรณ ยังกล่าวถึงการก้าวสู่ตลาดในประเทศว่า ข้อดีอีกประการคือ รายได้ ตลาดในประเทศสามารถทำกำไรถึง 35 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าส่งออกกำไร 20-25 เปอร์เซ็นต์ อาศัยว่าได้จำนวน ซึ่งกับการหันมาจับตลาดในประเทศ ถือว่าได้กลุ่มลูกค้ากระจาย ความเสี่ยงน้อยลง

ถาม ไปถึงคุณภาพสินค้า ยังคงเป็นมาตรฐานเดียวกับส่งออกไปประเทศสหรัฐอเมริกาหรือไม่ ทั้งนี้ คุณฐิติวรรณ ยังคงยืนยันหนักแน่น เริ่มต้นของการผลิต 100 เปอร์เซ็นต์ส่งออกไปสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่าเขาเข้มงวดเรื่องผลิตภัณฑ์มาก สำคัญคือต้องไม่มีสารตะกั่วตกค้าง เหตุนี้ FAKE FRUIT ผลไม้ประดิษฐ์จึง ส่งผลิตภัณฑ์ไปตรวจสอบกับ บริษัท เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัด กระทั่งได้รับใบรับรองผล สามารถทำการค้าส่งออกได้ แต่พอกลับมาตลาดในประเทศ FAKE FRUIT ผลไม้ประดิษฐ์ยังคงให้ความสำคัญกับคุณภาพต้องเป็นมาตรฐานเดียวกัน

ไม่ เพียงคุณภาพมาตรฐาน แต่ความโดดเด่นอีกประการคือความละเอียดพิถีพิถัน สินค้าต้องเลียนแบบได้ใกล้เคียงของจริงที่สุด ด้วยเหตุนี้ รูปแบบการผลิตจึงแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ งานเคลือบแป้งกาว และงานพอกแป้งกาว อีกทั้งในเรื่องของน้ำหนักต้องสมจริงด้วย ซึ่งก็ไม่ยาก อาศัยอัดเม็ดทรายลงไปในก้อนโฟม

 

วิธีทำผลไม้ประดิษฐ์

ดังนี้ นำแผ่นโฟมาตัดเป็นสี่เหลี่ยม แล้วขึ้นรูปโดยแม่พิมพ์ เพื่อให้เกิดรูปร่างตามชนิดของผลไม้นั้นๆ สำหรับผลไม้ที่มีผิวเรียบ อาทิ แอปเปิ้ล มะม่วง ให้ใช้กระบวนการเคลือบ โดยจุ่มก้อนโฟมในแป้งกาว 3-4 ครั้ง หรือจนกระทั่งปิดโฟมมิด จากนั้นรอให้แห้ง ส่วนผักและผลไม้ที่มีพื้นผิวไม่สม่ำเสมอ อาทิ ฝรั่ง มะนาว ส้ม กะหล่ำปลี ใช้วิธีพอก คือ นำแป้งกาวที่มีลักษณะจับตัวเป็นก้อนพอกลงบนก้อนโฟม โดยใช้แม่พิมพ์ช่วยให้เกิดลวดลายสมจริง แล้วรอแห้ง จึงลงสีด้วยพู่กัน เก็บรายละเอียด แล้วจึงเคลือบเงา เพื่อให้เกิดความสวยงามและคงทน

สูตรแป้งกาว ต้องมี 2 แบบ เพื่อให้เหมาะกับชิ้นงานแต่ละประเภท ซึ่งในส่วนของสูตรการทำแป้งกาว ใช้แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว และกาว เป็นสำคัญ ฉะนั้น ต้องระวังมดแมลงหรือหนูมากัดแทะ แต่ในเรื่องของความคงทน ยาวนานหลายปี

ปัจจุบัน FAKE FRUIT ผลไม้ประดิษฐ์มีแรงงานผลิตกว่า 20 คน โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มงานเคลือบแป้งกาว ซึ่งจะประจำอยู่โรงงานในกรุงเทพฯ ซึ่งแต่ละคนรับอัตราค่าจ้างเป็นรายวันและรายเดือน ส่วนกลุ่มงานพอกแป้งกาว จัดจ้างแรงงานชาวบ้านในจังหวัดอ่างทอง ช่วยผลิต โดยให้อัตราค่าจ้างเป็นรายชิ้น
แรงงานต้องใช้ระยะเวลาฝึกฝน เพราะแต่ละคนเขาไม่มีความรู้เรื่องศิลปะมาก่อน แต่ยอมรับว่าทุกคนมีความตั้งใจ เรื่องปัญหาแรงงานจึงไม่เกิดขึ้น ถือเป็นความโชคดีในการทำธุรกิจด้วย ฉะนั้นอยากจะฝากทิ้งท้ายว่า เรื่องการบริหารคน สำคัญมาก ต้องให้เขารู้สึกสนุกและสุขกับการทำงาน

สนใจ ติดต่อ FAKE FRUIT ผลไม้ประดิษฐ์เดินทางไปได้ที่ ตลาดนัดจตุจักร เลขที่ 395-396 โครงการ 8 ซอย 15/4 ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ หรือ โรงงานผลิต ตั้งอยู่ เลขที่ 15 เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 14 เขตประเวศ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 398-2059

ที่มา : มติชน เส้นทางเศรษฐ๊ ฉบับวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
-------------------------------------------------------------------------------------------------



Read More...


ขายเสื้อผ้าสตรี ไปได้ดี...แต่ต้องมีกลยุทธ์ !!

‘ขายเสื้อผ้าสตรี’ ไปได้ดี...แต่ต้องมีกลยุทธ์ !!

















ธุรกิจขายเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายผู้หญิง “ขายเสื้อผ้าสตรี ยังคงเป็นหนึ่งในอาชีพยอดนิยม
ไม่ว่าจะตามตลาดนัด ตลาดเปิดท้าย ย่านช็อปปิ้ง ซึ่งผู้หญิงนั้นเวลาเลือกซื้อเสื้อผ้าแม้จะดูจู้จี้จุกจิกบ้าง
แต่ก็ซื้อเสื้อผ้าบ่อยกว่าผู้ชาย ธุรกิจหรืออาชีพขายเสื้อผ้าผู้หญิงจึงทำรายได้ได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม การจะทำธุรกิจนี้ใช่ว่านึกอยากทำก็ทำได้เลยจำเป็นต้องเรียนรู้ศึกษาอะไรหลายๆ อย่างก่อนที่จะเปิดร้าน ซึ่งต้องเรียนรู้อะไร-อย่างไรบ้างวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลอาชีพขายเสื้อผ้าสตรีมาให้ลองศึกษากันดู...

กิ๊ก-พนิตตา สุทธิธนากร เจ้าของร้าน “Vanita”
ซึ่งขายเสื้อผ้าผู้หญิงอยู่ที่ตลาดหลังการบินไทย เล่าว่า เป็นคนที่ชอบขายของมาตั้งแต่สมัยเรียน
โดยตอนที่ยังเรียนอยู่ ก็จะใช้เวลาว่างไปขายเสื้อผ้าแบบแบกะดินเป็นประจำจนหลังเรียนจบ เข้าทำงานประจำเป็นประชาสัมพันธ์องค์กรหนึ่ง จึงห่างหายจากการขายไปพักหนึ่ง

หลังจากทำงานประจำอยู่ระยะหนึ่ง ก็มีความคิดที่จะเปิดร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิง เป็นอาชีพเสริมช่วงเวลาว่างเพราะชอบขายของเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และที่เน้นขายเสื้อผ้าผู้หญิง เพราะคิดว่าการทำธุรกิจขายเสื้อผ้าผู้หญิงนั้น เป็นธุรกิจที่ขายได้แน่นอน เนื่องจากผู้หญิงจะชอบช็อปปิ้ง

ประกอบกับตนเองนั้นมีโอกาสได้เดินทางไปต่างประเทศบ่อย
ไปเห็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ ของแต่ละประเทศที่สวยงาม ก็อยากจะนำเข้ามาขายให้คนไทยได้สวมใส่
อีกอย่างหนึ่งก็เป็นคนชอบแต่งตัว เวลาไปทำงานมักจะมีเพื่อนทักว่าซื้อเสื้อผ้าจากที่ไหนก็ยิ่งทำให้เกิดแรงบันดาลใจ จึงตัดสินใจเปิดร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิง

การที่จะเปิดร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิงนั้น ไม่ใช่ว่านึกจะเปิดก็เปิดได้ทันที จะต้องมีองค์ประกอบหลายๆ อย่างด้วยโดยพนิตตาบอกว่า “การจะเปิดร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิง อย่างแรกที่จะต้องดูก็คือตลาด
เราจะต้องเดินหาตลาด ที่มีลูกค้าตรงกับกลุ่มเป้าหมายของสินค้าที่เราจะขาย




เมื่อได้ตลาดแล้ว จากนั้นก็มาดูในเรื่องของสินค้าที่เราจะนำมาลงขายซึ่งเนื่องจากธุรกิจร้านค้าขายเสื้อผ้าผู้หญิงนั้น มีอยู่เป็นจำนวนมากเพราะฉะนั้น สื้อผ้าที่เราจะขายจำเป็นจะต้องเลือกหารูปแบบ รูปทรงสไตล์ของเสื้อผ้าที่แตกต่างไปจากคู่แข่ง แต่ก็ต้องเลือกรูปแบบสไตล์ให้ดูเก๋ สามารถใส่ทำงานหรือใส่ไปเที่ยวก็ได้

ที่สำคัญจะต้องเป็นเทรนด์ที่กำลังนิยมในปัจจุบันด้วย

แฟชั่นเสื้อผ้าผู้หญิงนั้นจะมีการเปลี่ยนสไตล์ไปเรื่อยๆ เราจะต้องตามให้ทัน
ถ้ายิ่งนำแบบเสื้อผ้าที่ใหม่เข้ามาขายก่อนร้านอื่นๆ ยิ่งได้เปรียบเพราะฉะนั้นต้องพยายามหาเทรนด์เสื้อผ้าใหม่ๆ เข้าร้าน โดยอาจจะอาศัยดูข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตก็ได้”

เสื้อผ้าที่ซื้อเข้ามาขายในร้านนั้น ควรจะไปเลือกซื้อตามแหล่งที่ขายส่งและอีกส่วนหนึ่งถ้ามีโอกาส-มีญาติมิตรได้เดินทางไปต่างประเทศ ก็สามารถจะเลือกซื้อเข้ามาขายการเลือกซื้อก็จะดูตามแนวที่ต้องการ เน้นเนื้อผ้าที่ใส่สบายเหมาะกับอากาศในประเทศไทย และก็ดูเรื่องการตัดเย็บ จะต้องตัดเย็บเนี้ยบ เรียบร้อย

“บางที่เราดูแนวแฟชั่นใหม่ๆ แล้วก็นำมาใส่ความคิดของเราเข้าไปออกแบบให้เป็นสไตล์และเลือกลายผ้าตามแบบของตัวเอง แล้วก็ไปสั่งตัดมาขายในร้าน อย่างนี้ก็ได้เพราะจะได้เป็นแบบของตัวเองไม่เหมือนใคร ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพวกกระโปรง” พนิตตากล่าว

พร้อมทั้งบอกต่อไปว่า การเลือกซื้อเสื้อผ้านั้นก็ให้ดูแบบที่เป็นฟรีไซส์การเลือกแบบเสื้อเข้ามาขายก็เลือกแบบละตัวสองตัวก็พอ จะได้มีแบบใหม่ๆ เข้ามาขายให้ลูกค้าเรื่อยๆและนอกจากเสื้อผ้าแล้วถ้าจะให้ดีควรหาเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ พวกกำไลข้อมือ ต่างหู แหวน ที่คาดผม ฯลฯมาขายในร้านด้วย เพราะบางครั้งลูกค้าเข้ามาซื้อเสื้อในร้านแล้ว ไปถูกใจเครื่องประดับเพราะเข้ากับชุดที่ซื้อก็จะขายสินค้าได้เพิ่มขึ้นอีก

ในส่วนของการตกแต่งร้านก็เป็นเรื่องที่สำคัญ
เพราะการแต่งร้านให้เข้ากับสินค้าที่เราขาย ก็มีส่วนที่จะเป็นการดึงดูด ลูกค้าให้เข้ามาซื้อของได้ อีกทั้งคนขายจะต้องพูดเก่ง และสามารถแนะนำการแต่งตัวให้ลูกค้าได้

การลงทุนเปิดร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิงนั้น
พนิตตาบอกว่า ใช้ทุนมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับราคาค่าเช่าสถานที่ขาย ขนาดร้านอุปกรณ์ต่างๆ จำพวกราวแขวนเสื้อ ไม้แขวนเสื้อ หุ่นโชว์ กระจกส่วนการซื้อเสื้อผ้าเข้าร้านนั้น สำหรับที่ร้านจะไปซื้อสัปดาห์ละครั้ง ใช้เงินทุนประมาณ 5,000 บาท

ส่วนราคาขาย สินค้าของร้านนี้จะมีตั้งแต่ประมาณ 200-1,500 บาท โดยมีต้นทุนประมาณ 50%

ร้านของพนิตตาอยู่ที่ ตลาดลุงเพิ่ม (ตลาดหลังการบินไทย) ซอย 5 ล็อคที่ 26A
เปิดทุกวันจันทร์-วันเสาร์ ตั้งแต่ 10.00-17.00 น. เบอร์โทรศัพท์คือ 08-3123-0010
ใครสนใจรูปแบบร้าน หรือสนใจเสื้อผ้า ก็ลองไปดูกันได้ ส่วนใครที่สนใจจะทำอาชีพนี้ 
ก็เร่งศึกษา อย่ารอช้า !!


บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ : รายงาน

คู่มือลงทุน...ขายเสื้อผ้าสตรี
ทุนเบื้องต้น ขึ้นอยู่กับทำเล-รูปแบบร้าน
ทุนสินค้า ประมาณ 50% ของราคาขาย
รายได้ ราคา 200-1,500 บาท/ตัว
แรงงาน 1 คนขึ้นไป
ตลาด จับกลุ่มวัยรุ่น-วัยทำงาน
จุดน่าสนใจ เป็นอาชีพยอดฮิตทุกยุคสมัย


ที่มาข้อมูล :
http://www.dailynews.co.th

-------------------------------------------------------------------------------------------------



Read More...


ดัดแปลงยีนเก่า ทุนต่ำ-ทำเงินด้วยไอเดีย

'ดัดแปลงยีนเก่า' ทุนต่ำ-ทำเงินด้วยไอเดีย









กระแสดูแลสิ่งแวดล้อมแทรกเข้ามาในชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้น จากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงมากขึ้นและกระแสนี้ยังเข้าสู่แวดวงอาชีพ การค้าขาย การทำธุรกิจด้วยซึ่งจากกระแสนี้นี่เองนักศึกษารายหนึ่งก็ได้คิดค้นการ ดัดแปลงเสื้อผ้าเก่าโดยเฉพาะผ้า “ยีน” นำกลับมาใช้ใหม่
เพื่อเป็นการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า และลดปัญหาสิ่งแวดล้อมซึ่งทั้งมีประโยชน์และก็เป็นอีก “ช่องทางทำกิน” สร้างอาชีพได้ด้วย...

แอน-ฐิติมา พุทธบูชา นักศึกษาสาขาวิชาออกแบบแฟชั่นผ้าและเครื่องแต่งกาย คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) พระนคร มองว่า เสื้อผ้ายีนได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นค่อนข้างมากเสมอมานับว่าเป็นตลาดค่อนข้างใหญ่ทีเดียว แต่ตลาดวัยรุ่นนั้นเป็นตลาดที่มาเร็วไปเร็วดังนั้นการปรับประยุกต์เพื่อความแปลกใหม่น่าจะเป็นสิ่งดี โดยเฉพาะกับยีนเก่า เพราะ

1. เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้เสื้อผ้า และ 2. ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมไปในตัว เพราะเสื้อผ้าเก่าก็นำมาดัดแปลงใช้ใหม่ได้

เรื่องการดัดแปลงนั้น ฐิติมาบอกว่า ไม่ใช่เรื่องยาก หากมีฝีมือทางการตัดเย็บเสื้อผ้า มีความคิดสร้างสรรค์ก็สามารถทำได้เลย ซึ่งหากมีตลาดวางขาย หรือมีทำเลรับดัดแปลง กิจการดัดแปลงเสื้อผ้านี้ก็น่าจะไปได้สวยเพราะกระแสของเสื้อผ้าดัดแปลงมีอยู่ในกลุ่มวัยรุ่นเสมอและที่สำคัญเสื้อผ้าที่เป็นยีนเก่านั้นสามารถนำมาดัดแปลงได้ทุกแบบ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อยีน กางเกงยีน กระโปรงยีน

สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ในการดัดแปลง หลักๆ คือจักรเย็บผ้าที่เป็นจักรอุตสาหกรรม หรือจักรถีบธรรมดาก็ได้รวมถึงอุปกรณ์เย็บ อาทิ เข็ม ด้าย กรรไกร ฯลฯ และวัสดุสำคัญก็คือเสื้อผ้ายีนเก่า




ฐิติมายกตัวอย่างพร้อมอธิบายขั้นตอน โดยตัวอย่างแรกคือการดัดแปลงตกแต่งกางเกงยีน
ด้วยลายลูกไม้ที่ขอบขากางเกง และปากกระเป๋ากางเกงด้านหน้าและด้านหลังใช้เทคนิคการดัดแปลงกางเกงและตกแต่งด้วยลูกไม้

ขั้นตอนเริ่มที่เตรียมกางเกงยีนขายาว (ขนาดแล้วแต่ไซซ์ผู้สวมใส่) ตัดขากางเกงให้สั้นขึ้นเป็นขา 3 ส่วน
พับชายขอบกางเกงขึ้น และเย็บริมผ้าชายขากางเกงให้เรียบร้อยจากนั้นสร้างลวดลายบนผ้าลูกไม้ด้วยการปักไหมด้วยมือ ผสมกับการปักลูกปัดลงบนผ้าลูกไม้ที่เตรียมไว้ซึ่งผ้าลูกไม้นี้เป็นลูกไม้ตาข่ายแบบสำเร็จรูป มีขนาดกว้างประมาณ 5 ซม.ส่วนความยาวนั้นให้วัดจากขนาดความกว้างของขอบปลายกางเกง

นำผ้าลูกไม้ที่ปักเสร็จแล้ว เย็บติดลงบนปลายขากางเกงทั้ง 2 ข้างและอีกส่วนหนึ่ง ให้สอยติดบริเวณปากกระเป๋ากางเกงทั้งด้านหน้าและด้านหลังซึ่งบริเวณกระเป๋าด้านหน้านั้นให้ตัดผ้าลูกไม้เป็นรูปดอกไม้ แล้วค่อยปักลูกปัดเพื่อสร้างลวดลายลงไปส่วนกระเป๋าด้านหลังให้ตัดผ้าลูกไม้เป็นแถบสี่เหลี่ยมเล็กๆ แล้วค่อยปักไหม ปักลูกปัดซึ่งการตกแต่งบริเวณกระเป๋ากางเกงนั้น ให้เลือกบริเวณด้านซ้ายของกระเป๋า
'ดัดแปลงยีนเก่า' ทุนต่ำ-ทำเงินด้วยไอเดีย













ตัวอย่างถัดมา เป็นการดัดแปลงโดยเปลี่ยนกางเกงเป็นชุดกระโปรง ซึ่งจะค่อนข้างยากหน่อย
โดยฐิติมาอธิบายว่า เริ่มด้วยการสร้างแบบชุดกระโปรงขึ้นมาก่อน ซึ่งภาษาช่างเรียกว่าการสร้างแพตเทิร์นแล้วตัดแบบออกมาเป็นชิ้น ๆ เตรียมไว้ จากนั้นให้เลาะแยกผ้าชิ้นหน้า และผ้าชิ้นหลังของกางเกงยีนที่เตรียมไว้แล้วค่อยนำแบบที่ตัดไว้วางลงบนผ้า ตัดผ้าตามแบบ เสร็จแล้วให้เย็บประกอบเป็นชุดปิดท้ายที่ตกแต่งด้วยการเย็บผ้าลายดอก เพื่อต่อตรงบริเวณกลางชุดกระโปรงทั้ง ด้านหน้าและหลัง
และนำผ้าลายดอกมาตัดเป็นผ้ารูปแบบสามเหลี่ยม นำมาเย็บแทรกที่ตะเข็บข้างของชุดกระโปรง เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย

อีกตัวอย่างเป็นการตกแต่งกระโปรงยีนแบบง่ายๆ ด้วยการติดระบายลูกไม้ที่ด้านข้าง
และใช้ริบบิ้นลูกไม้ร้อยเป็นโบผูกที่เอว ซึ่งวิธีทำเริ่มที่เตรียมกระโปรงยีนจากนั้นตัดผ้าลูกไม้ซึ่งมีขนาดกว้างประมาณ 5 ซม. ยาวประมาณ 40 ซม.เย็บเก็บริมลูกไม้บริเวณที่ไม่ใช่รอยหยักของลูกไม้ให้เรียบร้อย ด้วยการใช้ด้าย 1 เส้นและเย็บทับด้วยด้าย 2 เส้น ด้วยฝีเข็มที่ห่าง ซึ่งภาษาช่างเรียกว่า เย็บแล้วดึงรูดเป็นระบายโดยเย็บเสร็จแล้วจะต้องเหลือชายด้ายเอาไว้สำหรับดึงเมื่อดึงรูดเสร็จแล้ว ผ้าลูกไม้จะมีความยาวเท่ากับ 20 ซม. ซึ่งจะต้องทำผ้าลูกไม้แบบนี้ 6 ชิ้นเสร็จแล้วนำระบายลูกไม้ที่เย็บแล้ว มาเย็บติดที่ด้านข้างของกระโปรงให้เป็นระบายข้างละ 3 ชิ้นโดยเย็บเป็นชั้นๆ จากนั้นใช้ริบบิ้นลูกไม้มาผูกเป็นโบที่เอว ด้วยการลอดไปตามหูกระโปรง เท่านี้ก็เรียบร้อย(ริบบิ้นลูกไม้นี้มีความกว้างประมาณ 2 ซม. ส่วนความยาวขึ้นอยู่กับความกว้างของเอว กระโปรง)

การทำชิ้นงานลักษณะนี้ ฐิติมาบอกว่า ถ้ามีเสื้อผ้ายีนเก่าอยู่แล้วก็ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก
แต่หากจะทำเป็นการค้า ก็ลองไปหาซื้อยีนเก่าที่ตลาดโรงเกลือซึ่งจะมีขายเป็นมัดๆ ละ 50 ตัว
ราคาตกประมาณตัวละ 20 บาทขึ้นไปซึ่งเมื่อดัดแปลงประยุกต์เสร็จเรียบร้อยแล้วจะขายได้ในราคาตัวละ 100-200 บาทขึ้นไป

สนใจเรื่องการ “ดัดแปลงเสื้อผ้ายีนเก่า” ต้องการสอบถามกับ
แอน-ฐิติมา พุทธบูชาติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-6988-3016 
บางทีอาจจะเป็นอาชีพที่ทำเงินให้ใครบางคนได้เป็นอย่างดีก็ได้.


สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : รายงาน
ที่มาข้อมูล : http://www.dailynews.co.th

-------------------------------------------------------------------------------------------------


Read More...


เสื้อเพนท์ลาย Simply Tai เติมเสน่ห์แฮนด์เมดบนผืนผ้า

เสื้อเพนท์ลาย Simply Tai เติมเสน่ห์แฮนด์เมดบนผืนผ้า
เสื้อเพนท์ลายของร้าน Simply Tai

เพราะต้องการสร้างจุดขายให้แก่สินค้า หนีความซ้ำซากจากเจ้าอื่นๆ ในท้องตลาดนำมาสู่การเพนท์ลวดลายเก๋ๆ แบบแฮนด์เมด ลงบนตัวเสื้อที่ออกแบบด้วยตัวเอง ซึ่งช่วยเพิ่มสีสัน และมูลค่ากลายเป็นเอกลักษณ์เด่นที่ลูกค้าจดจำได้เป็นอย่างดี โดยเจ้าของไอเดีย คือ ภูเบศวร์ เพชรภู่ ร้าน Simply Tai

ภูเบศวร์ เพชรภู่ เจ้าของธุรกิจร้าน Simply Tai เสื้อเพนท์ลาย-1
ภูเบศวร์ เพชรภู่ เจ้าของธุรกิจร้าน Simply Tai
“ผมทำธุรกิจขายเสื้อ ผ้าฝ้ายมัดย้อมสีต่างๆ มานานแล้ว อยู่ที่ชุมชนบ้านครัว ย่านวังสระปทุมถึงถนนอุรุพงษ์ซึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่มีชื่อเสียงด้านการทอผ้าในท้องที่ จะมีผู้ผลิตเสื้อผ้าทอจำนวนมากทำให้ผมอยากจะสร้างความแตกต่างให้แก่สินค้าของตัวเอง ส่วนตัวแล้ว ผมชอบด้านศิลปะถึงจะไม่ได้เรียนมาโดยตรงก็ตาม เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว จึงลองหาทางเพิ่มค่าโดยเอาเสื้อมาเพนท์ลายเล่นๆ เริ่มจากไม่กี่ตัว” ภูเบศวร์ เล่าที่มาของไอเดีย

เสื้อเพนท์ลาย-2

เสื้อเพนท์ที่ทดลองทำขึ้นด้วยความชอบส่วนตัว กลายเป็นสินค้าที่ถูกใจลูกค้าอยากแรงช่วยให้มียอดขายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวจนต้องเพิ่มกำลังผลิตมากขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุด กลายเป็นเอกลักษณ์ประจำร้าน




สำหรับจุดเด่นของเสื้อ ร้าน Simply Tai
ต้องยกให้ความสวยงาม และความละเอียดลออของลวดลายที่วาดลงบนตัวเสื้อ โดยเคล็ดลับสำคัญนั้น
ภูเบศวร์บอกว่า มาจากสีอะคลิลิกที่ใช้เพนท์เป็นสูตรที่ผสมขึ้นเอง ซึ่งมีความเหนียวและลื่นกำลังดี
ช่วยให้สามารถเพนท์ลวยลายต่างๆ ได้อย่างที่ใจคิด รวมถึงไม่หลุดลอกหรือตกซีดจางซึ่งกว่าจะได้สูตรสีดังกล่าว ลองถูกลองผิดอยู่นาน

เสื้อเพนท์ลาย-3

ในส่วนการออกแบบลวดลายต่างๆ แทบทั้งหมดมาจากสมองของภูเบศวร์โดยแรงบันดาลใจจะมาจากสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัว ไม่ว่าจะเป็นกระแสนิยมของตลาด คำแนะนำของลูกค้าผสมเข้ากับจินตนาการส่วนตัว รวมแล้วเคยออกแบบมาทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่าพันลายมีทั้งรูปตุ๊กตา วิวธรรมชาติ ดอกไม้ สัตว์ ตัวอักษร ฯลฯ และยังคงออกแบบใหม่สม่ำเสมอ ประมาณ 4-5 แบบต่อเดือน

ทั้งนี้
วัสดุผ้าที่ใช้ตัดเย็บลงตัวที่ผ้ามัสลิน (Muslin) เพราะเป็นเนื้อผ้าที่สวมใส่สบาย เรียบเนียนเหมาะกับเมืองร้อนและที่สำคัญเข้ากันได้ดีกับสไตล์การเพนท์ลาย

หน้าร้านที่โครงการ 7 ตลาดนัดสวนจตุจักร
หน้าร้านที่โครงการ 7 ตลาดนัดสวนจตุจักร

ด้านการผลิต เจ้าของธุรกิจ ระบุว่า ทำกันเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน โดยจะออกแบบและตัดเย็บเสื้อเองทั้งหมดเน้นให้เป็นเครื่องแต่งกายที่สวมใส่สบาย ใส่เที่ยวหรือใส่อยู่บ้านก็ได้ส่วนการเพนท์ลายนั้น ในยุคบุกเบิกจะลงมือเพนท์ลายเองทั้งหมดภายหลังได้สร้างทีมงานเพนท์ขึ้นมาช่วยแบ่งเบาภาระ ประมาณ 5-6 คน มีทั้งคนที่เรียนทางศิลปะโดยตรงและผู้ที่สนใจเข้าฝึกฝนจนชำนาญ เฉลี่ยสามารถผลิตเสื้อได้ประมาณ 200 ตัวต่อวัน

เสื้อเพนท์ลาย-4

เสื้อเพนท์ลายของร้าน Simply Tai
มีให้เลือกทั้งเสื้อผู้ชาย ผู้หญิง กระโปรง กางเกง เสื้อผ้าเด็ก และกระเป๋าผ้า เป็นต้น รวมแล้วมีกว่า 50 แบบราคาตั้งแต่ 240-390 บาท (แล้ว แต่แบบและขนาด) ลูกค้าหลักประมาณ 60% จะเป็นชาวต่างชาติ
โดยเฉพาะเอเชีย เช่น ฮ่องกง ญี่ปุ่น เป็นต้น อีก 40% เป็นลูกค้าคนไทย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นวัยทำงาน
ซึ่งชอบเครื่องแต่งกายสบายๆ และไม่ซ้ำใครในท้องตลาดส่วนช่องทางตลาดจะเน้นขายผ่านหน้าร้านที่อยู่ในตลาดนัดสวนจตุจักร โครงการ 7 นอกจากนั้นจะรับผลิตตามคำสั่งซื้อ ไปขายยังแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลชื่อดังของไทย เช่น ภูเก็ต พัทยา เกาะสมุย เป็นต้น

เสื้อเพนท์ลาย-5

ในส่วนของปัญหาธุรกิจภายในคือ การบริหารสต๊อกให้เหมาะสม ไม่ให้ต้นทุนไปจมกับสินค้าค้างสต็อกมากเกินไปขณะเดียวกันต้องมีสินค้าใหม่ๆ คอยออกสู่ตลาดไม่ให้ขาด ซึ่งพยายามแก้ไขด้วยการหมั่นตรวจสต๊อกอย่างต่อเนื่องส่วนปัญหาภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ และแทบทุกคนเจอเหมือนกัน
คือ ปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง กระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคและจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาเมืองไทยน้อยลง ส่งผลให้ยอดขายลดลงตามไปด้วย

เสื้อเพนท์ลาย-6

ตลาดของเสื้อเพนท์ลายแฮนด์เมด แม้จะไม่กว้างมากนัก แต่ยังจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่นิยมสินค้าประเภทนี้หากสร้างเอกลักษณ์ให้ลูกค้าจดจำได้ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จยังมีความเป็นไปได้” เขาทิ้งท้าย โทร.08-1682-2918 , 0-2215-9528


จาก อาชีพแก้จน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ที่มา : http://www.manager.co.th

-------------------------------------------------------------------------------------------------


Read More...


เสื้อคู่รัก อีกไอเดียการขายน่าสนใจ

เสื้อคู่รัก อีกไอเดียการขายน่าสนใจ-2

การผลิตและจำหน่ายสินค้าแบบ “ขายเป็นคู่” เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่น่าสนใจซึ่งในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ที่จะมาถึงในช่วงต้นถึงกลางเดือนหน้า สินค้าไอเดียกลุ่มนี้จะยิ่งขายดีอย่างเช่นสินค้า “เสื้อคู่รัก” ที่ใช้ความเป็นคู่เป็นจุดขาย ดึงดูดลูกค้ากลุ่มคู่รักซึ่งทางทีม “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้...

กิ๊ฟ-อรัชมน ยศปัญญา เจ้าของร้านขายสินค้าที่ใช้ความเป็นคู่มาเป็นจุดขายเจ้าตัวเล่าว่า เดิมขายจิวเวลรี่ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นคู่อาทิ แหวนคู่ กำไรคู่ สร้อยคู่ ที่สลักชื่อ สำหรับคนที่ต้องการให้ของขวัญแทนใจแก่คู่รักจนมีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ และได้ไปเห็นคู่รักเขาใส่เสื้อที่เป็นคู่ จึงเกิดไอเดียกลับมาก็เริ่มทดลองทำ “เสื้อคู่” จำหน่าย พยายามศึกษาวิธีการทำลวดลายบนเสื้อที่ถูกต้องและคงทน

“วัยรุ่นที่เป็นกลุ่มลูกค้าสำคัญ สมัยนี้เขาต้องการสร้างความแตกต่าง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวฉีกออกจากรูปแบบเดิมๆ ทำให้เราต้องมีการปรับตัวนำเสนอสินค้าใหม่ๆเพื่อสร้างความแตกต่างจากร้านอื่นๆ ด้วย จึงจะทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นได้ไม่ยาก”

เธอเริ่มทำเสื้อคู่จำหน่ายจริงจังตั้งแต่ ปลายปี 2549 โดยใช้ชื่อร้านและแบรนด์ว่า Couple T
ซึ่งกิ๊ฟบอกว่า Couple นั้นหมายถึง สิ่งที่คล้ายกัน เหมือนกัน เชื่อมติดกัน หรือการทำบางสิ่งบางอย่างร่วมกันดังนั้นสินค้าจึงไม่เน้นขายเพียงเฉพาะคู่รักเท่านั้นยังสามารถขายได้กับคนอีกหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มครอบครัว เพื่อนฝูงหรือใครที่ต้องการแสดงถึงความเป็นกลุ่ม เป็นทีม อย่างกลุ่มแฟนคลับนักร้องดาราก็ได้




สินค้านั้นจะมีทั้งแบบมีตัวอักษรที่เป็น ถ้อยคำเก๋ๆ แปลกๆ หรือจะเป็นถ้อยคำที่กำลังเป็นที่นิยม ใส่ลงไปบนเสื้ออีกทั้งยังมีเสื้อที่วาดรูปลงลวดลายต่างๆ ลงไปด้วย

“ในช่วงที่เปิดตลาดใหม่ๆ ก็มีโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้า เช่น ราคาเสื้อตัวละ 350 บาท แต่หากซื้อเป็นคู่ราคาเพียง 570 บาทเท่านั้น ก็ทำให้สามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้มาก” กิ๊ฟกล่าว

-1

เจ้าของไอเดียเสื้อคู่รักกล่าวต่อว่าสินค้าคู่อาจถูกมองว่าเป็นสินค้าที่มีฤดูกาล เฉพาะวันวาเลนไทน์ เป็นสินค้าฉาบฉวยแต่จริงๆ แล้วด้วยความที่คนไทยมีการมอบของขวัญ หรือของที่ระลึกในโอกาสพิเศษต่างๆ อยู่ตลอดจึงทำให้ตลาดสินค้าตรงนี้ไปได้ดีทุกช่วงเวลา ซึ่งถึงตอนนี้ทำมากว่า 3 ปีแล้วและถือได้ว่าประสบความสำเร็จมากกว่าที่คิดเพียงแต่จะต้องมีการพัฒนารูปแบบไปเรื่อยๆ เพราะคู่แข่งก็เริ่มมีมากขึ้นด้วย

ที่สำคัญการทำธุรกิจนี้สิ่งที่ต้องคำนึงถึง มากที่สุดก็คือ
คุณภาพของสินค้าที่ต้องได้มาตรฐาน
ใช้เสื้อยืดเนื้อดี เป็นผ้า cotton 100% ลวดลาย-อักษรบนเสื้อนั้นก็จะต้องไม่หลุดลอกง่าย


นอกจากนี้ การใกล้ชิดลูกค้า รับฟังมุมมองความคิด แชร์ไอเดียความคิดจากลูกค้า ก็เป็นสิ่งที่ดี
เพราะจะได้นำมาปรับปรุงคุณภาพ-รูปแบบสินค้าให้โดนใจลูกค้ามากขึ้นซึ่งคำพูดที่นำมาเรียงไว้บนเสื้อก็มักจะได้มาจากลูกค้าเป็นส่วนใหญ่ขณะที่การทำก็ไม่ได้ยุ่งยากมาก แต่ต้องอาศัยความคิด-ไอเดีย

อุปกรณ์-วัสดุที่ต้องใช้ในการทำ “เสื้อคู่รัก” หลักๆ ก็มี เสื้อยืด สีเสื้อหลักๆ ของทางร้านก็จะมี ดำ แดง ขาว ชมพูแต่หากลูกค้าอยากได้สีอื่นก็สามารถสั่งได้, เครื่องรีดผ้า (แบบเต็มตัว), ตัวอักษรที่ใช้รีดลงบนเสื้อ (เฟรกซ์),สีเฉพาะ สำหรับเพนท์เสื้อ, พู่กัน โดยตัวอักษรที่ใช้นั้นเป็นตัวอักษรที่สั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษนำมาวางเรียงแล้วใช้ความร้อนรีดทับก็จะติดกับเสื้อแบบทนทาน

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากการออกแบบถ้อยคำต่างๆ ที่ต้องการจากนั้นก็นำเสื้อยืดที่เลือกสีตามที่ต้องการมาวางลงบนเครื่องรีดผ้า แล้วนำตัวอักษรที่ต้องการวางเรียงลงบนเสื้อจากนั้นทับเครื่องรีดลงบนเสื้อโดยใช้ความร้อนจัดกดทับไว้ประมาณ 3 นาที ตัวอักษรก็จะติดลงบนเสื้อเป็นลวดลาย-อักษรที่ต้องการ

สำหรับคนที่ต้องการซื้อตัวอักษรไปทำเองที่บ้านนั้น ก็สามารถทำได้เพียงแต่ถ้าใช้เตารีดธรรมดาสำหรับรีดผ้าทั่วๆ ไป ที่มีอยู่ตามบ้าน ก็จะต้องใช้เวลาในการรีดนานกว่า

“เสน่ห์ของสินค้าเสื้อคู่แบบรีดนี้คือ ทำแล้วได้เลย”หรือจะใช้วิธีการเพนท์ลวดลายลงบนเสื้อด้วยวิธีแฮนด์เมด ก็สามารถทำได้ โดยเริ่มจากการออกแบบลวดลายจากนั้นก็ใช้สีเฉพาะที่ใช้สำหรับเพนท์เสื้อ วาดลวดลายตามที่ต้องการลงไปบนเสื้อได้ทันที

ราคาขายเสื้อยืด ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของงานที่ทำ ถ้าเป็นเสื้อที่ใช้วิธีรีดด้วยความร้อน มีราคาดังนี้
คือ เสื้อไซซ์ S, M, F ราคาอยู่ที่ตัวละ 290 บาท ไซส์ L หรือ XL ตัวละ 350-390 บาทโดยร้านจะให้ตัวอักษรฟรี 10 ตัว หากมากกว่านั้นคิดเพิ่มตัวละ 10 บาทส่วนเสื้อที่เพนท์ลวดลาย ราคาอยู่ที่คู่ละ 1,000-1,200 บาท

ร้านของกิ๊ฟ-อรัชมน อยู่ที่ชั้น 1 เซ็นทรัลลาดพร้าว ใครสนใจสินค้าก็ลองแวะไปดูได้หรือต้องการสั่งไปจำหน่ายต่อก็สามารถติดต่อได้ที่ โทร. 08-6603-8578, 0-2937-1433ทั้งนี้ นอกจากเสื้อยืดแล้ว กับการผลิตและขายสินค้าแบบเป็นคู่นี้ก็ยังทำกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้หลากหลายก็ลองพิจารณากันดู


ข้อมูลโดย : http://www.dailynews.co.th 

-------------------------------------------------------------------------------------------------


Read More...


เสื้อยืดไอเดีย 2 เทคนิคตกแต่งเพิ่มราคา

 

เก็บตกจาก “โครงการอบรมเพื่อสร้างผู้ประกอบการรุ่นเยาว์” เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมาที่คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนครทางทีม “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลการ “ตกแต่งเสื้อยืด” มาฝาก 2 เทคนิคด้วยกันคือตกแต่งด้วยเม็ดโลหะ และตกแต่งด้วยเศษผ้า...

เริ่มที่เทคนิค “ตกแต่งเสื้อยืดด้วยเม็ดโลหะ” ทางอาจารย์อัจฉราวรรณ ณ สงขลา
หัวหน้าสาขาเทคโนโลยีการจัดการสินค้าแฟชั่น คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ แนะนำว่า
เทคนิคบนเสื้อยืดแบบนี้มีวางขายในท้องตลาด แต่จะเป็นที่นิยมหรือไม่และอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับแบบ
โดยระยะหลังๆ แฟชั่นเช่นนี้เมืองไทยจะนำเข้าจากฮ่องกง เกาหลีใต้ และไต้หวันซึ่งการออกแบบให้เป็นที่นิยมนั้นขึ้นอยู่กับเทคนิคต่างๆอาทิ การคิดนอกกรอบ การเปรียบเทียบ การพัฒนา และการขยาย ปรับเปลี่ยน

อุปกรณ์ที่ใช้ในเทคนิคนี้ ได้แก่ กระดาษเอ 4, ดินสอ, ยางลบ (ออกแบบลวดลาย), แผ่นสติกเกอร์ทนร้อน,ปากคีบ, เสื้อยืด, เม็ดโลหะ มีขายเป็นกุรุส คือจำนวน 144 เม็ด ราคา 13-50 บาท

วิธีทำ
1. ออกแบบลวดลายบนกระดาษให้เรียบร้อยตามความต้องการ หรือตามความคิดสร้างสรรค์
ตรึงแผ่นลวดลายบนโต๊ะด้วยสก๊อตเทป,2. หงายแผ่นสติกเกอร์ทนร้อน (ด้านที่มีกาว) ขึ้น วางบนลาย ตรึงด้วยสก๊อตเทปอีกครั้ง (ไม่ให้ลายเคลื่อน),

3. ใช้ปากคีบทำการคีบเม็ดหมุดที่เหมาะกับขนาดและลวดลาย เรียงไปตามลวดลาย (โดยด้านหลังขึ้น),
4. เมื่อเรียงเสร็จแล้ว ลอกแผ่นสติก เกอร์ทนร้อนด้านใสออก,
5. วางตำแหน่งบนลวดลายบนเสื้อยืดที่ ต้องการตกแต่ง วางกระดาษทับบนลวดลายกันความร้อน,
6. ใช้เตารีดทำการรีดในอุณหภูมิปานกลาง ไม่ร้อนจนเกินไป และใช้กระดาษคั่นระหว่างกลาง,
7. ลอกแผ่นสติกเกอร์ ด้านใสออกจากตัวเสื้อ,
8. ได้เสื้อยืดสำเร็จที่ตกแต่งด้วยเม็ดโลหะ

ราคาขาย อาจตั้งเป็นราคาแบบทั่วๆ ไป คือตัวละ 199 บาทโดยต้นทุนเฉพาะราคาเสื้อยืดที่ไม่แพงมาก คือประมาณ 50 บาท (ซึ่งเป็นต้นทุนหลัก)ส่วนจะเป็นที่นิยมหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับแบบเป็นสำคัญ อย่างที่บอก




อีกเทคนิคหนึ่งคือการ “ตกแต่งเสื้อยืดด้วยเศษผ้า
ซึ่ง อาจารย์กฤตพร ชูเส้ง หัวหน้าสาขาวิชาออกแบบแฟชั่นผ้า และเครื่องแต่งกาย คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์อธิบายว่า การตกแต่งเสื้อยืดด้วยเศษผ้า เป็นการตกแต่งวิธีหนึ่งที่ทำให้เสื้อยืดมีความสวยงาม โดดเด่น น่าสวมใส่และยังสามารถนำเสื้อยืดเก่ามาตกแต่งให้มีความแปลกใหม่ สามารถนำมาใช้ได้อีกครั้งเป็นการเพิ่มมูลค่าเสื้อได้อีกทางหนึ่ง

เทคนิคนี้วัสดุ-อุปกรณ์ที่ใช้มีดังนี้ เสื้อยืดสีพื้นขนาดแล้วแต่ชอบ 1 ตัว,เศษผ้าสำหรับนำมาตกแต่งจำนวนพอดีกับขนาดที่กำหนด, กระดาษขาวเทาเพื่อใช้สำหรับสร้างแบบ,ด้ายเย็บผ้าสีเดียวกับเศษผ้า และไหมปักสำหรับนำมาตกแต่งบนเสื้อ(ในที่นี้ใช้ผ้าถุงลายไทย ราคาถุงละ 75 บาท มีผ้า 2 หลา), ผ้ากาวชนิดบางไว้สำหรับอัดเศษผ้า,กระดุมสีดำ (หรือสีตามชอบ) สำหรับทำเป็นตา หรือตกแต่งเพิ่มเติม, เข็มหมุด ลูกกลิ้ง กระดาษกดรอย,เข็มเนา เบอร์ 10, กรรไกร กาวน้ำ

วิธีทำ ยกตัวอย่างตกแต่งเป็นตัว “นกฮูก” เริ่มจาก

1. ออกแบบลวดลายที่ต้องการตกแต่งลงบนกระดาษขาวเทา และตัดแยกแบบออกเป็นชิ้น
เพื่อไว้สำหรับรีดแบบ และวางตัดผ้า,2. ตัดผ้าที่ต้องการนำมาตกแต่ง โดยตัดให้ใหญ่กว่าแบบประมาณ 1 เซนติเมตรโดยรอบ,
3. รีดอัดผ้าตกแต่งด้วยผ้ากาว อาจจะใช้เตารีด หรือเครื่องรีดอัดความร้อน,
4. นำผ้ากาวที่อัดแล้วมาเก็บริมผ้า โดยใช้กระดาษแข็งเป็นแบบ



ขั้นตอนการประกอบตัวนกฮูก

1.นำชิ้นตัวนกฮูกมาวางในตัวเสื้อตามตำแหน่งที่ต้องการ
โดยใช้กาวน้ำเป็นตัวช่วยติดเล็กน้อย ด้นตะลุยด้วยไหมติดโดยรอบ,

2.นำชิ้นท้องนกฮูกมาวางบนตัวนกฮูกตามตำแหน่งแบบที่ออกไว้ พร้อมด้นตะลุยด้วยไหมโดยรอบ,

3.วางตำแหน่งตา ปาก และเท้าของนกฮูก ตามที่ได้ออกแบบไว้ พร้อมด้นตะลุยด้วยไหมโดยรอบ
และนำกระดุมสีดำมาปักลงบนตำแหน่งตา เพื่อให้เหมือนเป็นลูกนัยน์ตา,

4. ตกแต่งเพิ่มเติม อาจจะใช้ปากกาเขียนผ้ามาเขียนตกแต่ง หรือใช้อุปกรณ์อย่างอื่นมาประดับ

อาจารย์กฤตพรบอกว่า เสื้อยืดตกแต่งลักษณะนี้ ราคาขายอยู่ที่ตัวละประมาณ 199-250 บาท
แล้วแต่แบบ หรือตลาด กลุ่มลูกค้า ซึ่งต้นทุนต่อตัวนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 75-80 บาท


สนใจเทคนิคเพิ่มมูลค่า-เพิ่มราคาให้เสื้อยืด
ติดต่ออาจารย์อัจฉราวรรณ-การตกแต่งเสื้อยืดด้วยเม็ดโลหะ ได้ที่ โทร. 0-2281-9231-4 ต่อ 5401
และ อาจารย์กฤตพร-การตกแต่งเสื้อยืดด้วยเศษผ้า โทร. 0-2281-9231-4 ต่อ 5301

บางทีงาน “เสื้อยืดใส่ไอเดีย” นี้อาจจะเป็น “ช่องทางทำกิน” ที่ดีของคุณก็ได้.


คู่มือลงทุน...ตกแต่งเสื้อยืด
ทุนอุปกรณ์ ไม่เกิน 1,000 บาท (ไม่รวมจักร)
ทุนวัสดุ ประมาณ 75-80 บาท / 1 ตัว
รายได้ ตัวละ 199 บาทขึ้นไป
แรงงาน 1 คนขึ้นไป
ตลาด ร้านเสื้อผ้า, ย่านชอปปิงทั่วไป
จุดน่าสนใจ เพิ่มราคาจากการขายเสื้อยืดปกติ


สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : รายงาน
เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 22 มี.ค. 2552
ข้อมูลโดย : http://www.dailynews.co.th


-------------------------------------------------------------------------------------------------


Read More...


ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0










































 
Blogger Tips and TricksLatest Tips And TricksBlogger Tricks
Do it your self,handmade,HandiCraft,งานฝีมือ,อาชีพเสริม,ช่องทางทำเงิน บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.